คุณอยู่ที่

อยากใช้ชีวิตอิสระ แหล่งรายได้หลักของครอบครัว และการใช้ชีวิตอย่างเท่าเทียม : เรื่องเล่าของคนตาบอดในหลากหลายแง่มุม

1.0x

ปรับขนาดตัวอักษร

-A A +A

“เป็นคนพิการทำไมไม่อยู่แต่บ้าน ออกมาข้างนอกให้ลำบากตัวเอง เป็นภาระคนอื่นทำไม!”

“เป็นคนพิการทำไมไม่อยู่เฉยๆ มาแย่งงานเขาทำทำไม!”

ในสังคมไทยที่นานาประเทศกล่าวขานว่า คนไทยใจดี แต่ไม่น่าเชื่อที่ยังมีคนจำนวนหนึ่งคิดแบบนี้กับเพื่อนร่วมสังคมด้วยกัน แม้อีกฝ่ายจะเป็นคนพิการ ก็เป็นมนุษย์มีชีวิต มีความรู้สึก และเพราะมีชีวิตไม่ต่างจากคนอื่นจึงต้องหาเลี้ยงตัวเพื่อให้อยู่รอดเช่นกัน ในเรื่องของความรู้สึก คนพิการก็อยากมีอิสระ อยากได้รับความสุขไม่ต่างจากคนทั่วไป จึงต้องออกจากบ้านหาประสบการณ์ หาความบันเทิง เข้าสังคมบ้างเป็นธรรมดา

ใครรู้บ้างว่าชีวิตคนตาบอดจำนวนไม่น้อยไม่ได้สุขสบายนั่งกินนอนกินอย่างที่คิด จริงๆ ถ้าย้อนไปในอดีตคนพิการไม่ได้รับการยอมรับจากคนในสังคมด้วยซ้ำ หลายบ้านอับอายที่มีลูกหลานตาบอด แขนขาบิดเบี้ยว พยายามซ่อนพวกเขาจากผู้คน ดีที่ยุคนี้หลายอย่างดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก แต่ก็ยังหลงเหลือแนวคิดที่ว่า คนพิการเป็นภาระ คนพิการทำอะไรไม่ได้ คนพิการควรอยู่แต่บ้านอยู่ดี

ขณะที่หลายคนมีมุมมองเช่นนั้น แต่ความจริงก็คือคนตาบอดจำนวนไม่น้อยเป็นหัวหน้าครอบครัว หรือเป็นรายได้หลักของครอบครัว (ครอบครัวที่คนครบ 32 ต้องมาพึ่งพา) ไม่ผิดหรอกถ้าจะมาให้ช่วยเหลือบ้าง พวกเราเชื่อว่ามีศักยภาพพอที่จะแบ่งเบาภาระคนรอบข้างได้ แค่อยากให้รู้ว่า คนพิการไม่ได้ด้อยกว่าใคร พวกเรามีหน้าที่ มีภาระต้องแบกรับไม่ต่างจากคนทั่วไปเลย จึงต้องทำอาชีพเพื่อหาเงินมาดูแลในส่วนนี้

มีจริงหรือ คนครบ 32 ต้องมาพึ่งพาคนพิการ? คำตอบคือมีอยู่จริงๆ ในสังคมทุกสังคม ซึ่งขอยืนยันว่าถ้าไม่เกินกำลังและเหมาะสมก็พร้อมช่วยเหลือด้วยความเต็มใจเสมอ แต่บางครอบครัวที่ต้องมาพึ่งคนพิการก็ด้วยเกียจคร้านบ้าง จัดการชีวิตตัวเองได้ไม่ดีบ้าง จนกลายเป็นหน้าที่ที่คนพิการต้องแบกรับไป

มาถึงประเด็นว่า ทำไมคนพิการต้องออกจากบ้าน คนอื่นมีความต้องการอิสระ ชอบท่องเที่ยวผ่อนคลายอย่างไร คนพิการตาบอดก็ไม่ต่างกัน การจับเจ่าอยู่แต่บ้านมันให้ความรู้สึกหดหู่ อุดอู้ และเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการซึมเศร้า ซึ่งสิ่งมีชีวิตทุกชนิดไม่ชอบ แล้วพวกเราจะชอบอย่างนั้นหรือ โดยคนตาบอดมองว่า การออกจากบ้านเพื่อเติมเต็มความสุขเป็นสิทธิพื้นฐานที่ทุกคนในสังคมต้องได้รับอย่างเท่าเทียม

สิทธิสำคัญอีกอย่างที่ควรได้รับ คือการเตรียมพื้นที่หรือบริการให้เข้าถึงคนทุกกลุ่มในสังคม เพราะไม่ใช่แค่คนพิการเท่านั้นที่ต้องการสวัสดิการเหล่านี้ แต่รวมถึงผู้สูงอายุในพื้นที่ด้วย ผู้สูงอายุที่ดวงตาฝ้าฟาง ผู้สูงอายุที่ใช้รถเข็น ถ้าเตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้พร้อมการออกจากบ้านไม่ว่าของใครก็จะไม่เป็นภาระอีกต่อไป

กล่าวถึงเรื่อง ความสุข เพราะความสุขหลายอย่างในสมัยปัจจุบันต้องใช้เงินในการแลกมา อย่างการเดินทางก็ต้องใช้เงินเช่นกัน และเรื่องหนึ่งที่หลายคนเจอ แต่อาจลืมนึกถึง นั่นคือเงิน ทำให้ทุกคนมีอำนาจในการต่อรองสิ่งต่างๆ ให้ตัวเอง คนที่มีเงินมากกว่ามักมีอำนาจตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ในครอบครัว โดยหมายรวมถึงชีวิตของสมาชิกครอบครัวด้วย ด้วยเหตุนี้ทำให้คนตาบอดต้องมีเงิน เพื่อเลือกชีวิตให้ตัวเอง ถ้าต้องคอยครอบครัวก็ยากจะได้ใช้ชีวิตตามที่ตัวเองต้องการอย่างมีความสุขได้ บ้างโดนกดขี่ โดนจำกัดสิทธิหลายอย่างเพราะไม่ใช่คนหารายได้เข้าบ้าน เป็นใครย่อมรู้สึกแย่ คนปกติบางคนอาจสัมเลเทเมาได้ต่อให้มีใครว่าไม่ทำงาน แต่พวกเราทำไม่ได้เลย เงินคือเครื่องมือสำคัญที่ทำให้ได้รับการปฏิบัติตอบในเชิงบวก

ทุกคนอาจเห็นแล้วว่า สิ่งเหล่านี้เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ใครก็ตามควรได้รับ หรือให้ลองนึกถึงใจเขาใจเราดู แต่นอกจากเหตุผลดังกล่าวก็ยังมีอีกความจริงหนึ่งคือ เมื่อคนตาบอดสามารถทำงานได้ ใช้ชีวิตในสังคมเป็นปกติสุข ก็จะเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนสังคมและประเทศ แทนที่จะเก็บไว้อยู่แต่บ้านเฉยๆ ก็ให้ออกมาสร้างรายได้ มีรายได้ก็จ่ายภาษี และคนตาบอดหลายคนเมื่อได้รับโอกาสเรียนหนังสือ ฝึกอาชีพ ก็มีความสามารถไม่ยิ่งหย่อนกว่าคนทั่วไป กลับมาดูแลครอบครัว เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาประเทศ เหล่านี้จึงเป็นเหตุผลที่คนพิการควรได้รับทุกสิ่งเท่าเทียมกับคนในสังคม ซึ่งประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศก็เล็งเห็นความสำคัญเรื่องดังกล่าวจึงมีนโยบายมากมายออกมาสนับสนุน ก็ได้แต่หวังว่ามายาคติที่มองว่าคนพิการทำอะไรไม่ได้ในประเทศนี้มันจะเจือจางลงไปตามเวลา และเปิดโอกาสให้คนพิการได้มีงานทำ ใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองเลือกได้มากขึ้น


ผู้อ่านสามารถสนับสนุนเว็บไซต์ โดยการอุดหนุนนิยายบนเว็บไซต์ เขียนกันดอทคอม เว็บไซต์อ่านนิยายที่คนตาบอดเป็นเจ้าของ และอยากให้สังคมการอ่านเป็นของคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าตาดีหรือตาบอด

แสดงความคิดเห็น