คุณอยู่ที่

ดูเหมือนคนพิการมีงานทำ แต่สภาพชีวิตยังเปราะบางเกินกว่าใครจะรู้ : ความจริงของคนพิการที่อยากเล่าให้คุณฟัง

ปรับขนาดตัวอักษร

-A A +A
รูปภาพของ suriyan
เขียนโดย suriyan เมื่อ ศุกร์, 09/01/2023 - 11:56

ในทุกวันนี้ คนพิการส่วนใหญ่ในประเทศ ถูกจ้างงานโดยการผ่านกฎหมายจ้างงานคนพิการโดยมาตรา 35 ที่มีรายละเอียดว่า บริษัทใดก็ตาม ที่มีพนักงานเกิน 100 คนขึ้นไป จะต้องจ้างงานคนพิการ 1 ตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีมาตรา 34 ออกมารองรับ ว่าหากบริษัทใดไม่อยากจ้างงานคนพิการ ก็สามารถส่งเงินเข้ากองทุนคนพิการได้เช่นกัน ซึ่งกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ก็จะได้บริหารจัดการ และกระจายเงินจากกองทุนไปให้กับหน่วยงานต่างๆ ของคนพิการ รวมถึงช่วยเหลือในแง่การส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนพิการ ส่งเสริมการจ้างงานคนพิการ การกู้ยืมเงินสำหรับคนพิการและผู้ดูแลคนพิการ ฯลฯ

เมื่อเราพูดถึงเรื่องการส่งเสริมการจ้างงานคนพิการ ในข้อนี้ทาง Blind living ก็ยังไม่เข้าใจว่า งบประมาณดังกล่าวช่วยส่งเสริมในด้านใดบ้าง เพราะโดยส่วนใหญ่ กรจ้างงานคนพิการจะเกิดจากมาตรา 35 ซึ่งเงินที่จ่าย จะเป็นเงินจากบริษัทต่างๆ โดยตรง ไม่ใช่เงินจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ดังนั้นเราจึงจะไม่ขอลงรายละเอียดในข้อนี้

สิ่งที่ Blind living จะพูดถึงกันในวันนี้ก็คือ การจ้างงานคนพิการ โดยผ่านกฎหมายการจ้างงานคนพิการด้วยมาตรา 35

ปัญหาที่คนพิการพบเจอกันเป็นประจำก็คือ สัญญาการจ้างงานด้วยมาตรา 35 จะเป็นสัญญาการจ้างงาน ที่จำเป็นจะต้องต่อสัญญาทุกๆ หนึ่งปี ซึ่งเมื่อหมดสัญญาไปแล้ว ทางบริษัทที่จ้างงานคนพิการ จะสามารถเลือกได้ ว่าจะต่อสัญญาหรือไม่ นอกจากนี้แล้ว เมื่อเริ่มเข้า 2-3 เดือนแรกของปี ที่เป็นช่วงรอการทำสัญญาฉบับใหม่ คนพิการจะไม่ได้รับเงินเดือนในช่วงนั้นเลย แม้ว่าคนพิการจะได้รับเงินเดือนย้อนหลัง แต่ก็ยังกระทบต่อการใช้ชีวิตของคนพิการอยู่ดี เนื่องจากขาดรายได้ในช่วงรอยต่อนั้นไป แต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งเรื่องของกินของใช้ เรื่องค่าเช่าห้อง เรื่องค่าใช้จ่ายอื่นๆ ยังคงอยู่ ซึ่งคนพิการหลายคนก็ต้องเลือกการกู้ยืมเงินเป็นทางออก โดยการกู้ยืมเงินในแต่ละครั้ง ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงเรื่องดอกเบี้ย พอได้เงินเดือนที่จ่ายย้อนหลังมา ก็ต้องเอาไปจ่ายทั้งต้นทั้งดอกจนแทบไม่เหลืออะไร

นอกจากนี้ หากเป็นคนพิการที่บริษัทเลิกจ้าง หรือไม่ต่อสัญญางานในปีถัดไป ก็จะต้องเปลี่ยนงานใหม่ หรือไม่ก็ต้องหาสัญญาจากบริษัทอื่นเข้ามาแทนบริษัทเดิม ซึ่งถ้าหากหาไม่ได้ คนพิการดังกล่าวก็จะกลายเป็นคนตกงานในทันที คนพิการหลายคนนับได้ว่าเป็นคนหารายได้มาเจือจุนครอบครัว เมื่อไม่มีสัญญาจากบริษัทใดๆ เข้ามา ตัวคนพิการและครอบครัวก็จะอยู่ได้อย่างยากลำบาก

ยิ่งถ้าเป็นคนตาบอด ซึ่งหลายคนมองว่ามีอุปสรรคในการทำงานเยอะกว่าคนพิการประเภทอื่น ก็ยิ่งหาการจ้างงานตามมาตราได้ยาก เพราะข้อจำกัดทางด้านการมองเห็น ทำให้ตัวเลือกในการทำงานน้อยลง เพราะงานที่คนตาบอดทำได้ถูกจำกัดแค่ด้านการฟัง และพูด รวมถึงงานทางด้านคอมพิวเตอร์บางส่วน ซึ่งงานที่ทำได้ก็จะมีแค่ด้านคอลเซ็นเตอร์ รับโทรศัพท์ ประชาสัมพันธ์ งานเอกสารที่ต้องใช้การพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์ หากต้องมีการอ่านเอกสาร เอกสารนั้นๆ ก็จะต้องอยู่ในรูปแบบของไฟล์เอกสารเช่น ไฟล์ Word Google Docs หรือ PDF (บางไฟล์ที่พออ่านได้) ไม่ก็ต้องอยู่บนเว็บไซต์ (ที่เป็นฟอนต์จากหน้าเว็บ ไม่ใช่รูปภาพ)

ในปัจจุบัน บริษัทต่างๆ เริ่มจ้างพนักงานพิการเพื่อนำไปเป็นพนักงานตอบแชทลูกค้ากันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม โดยส่วนใหญ่ คนที่ได้งานนี้ก็มักจะเป็นความพิการประเภทเคลื่อนไหวเนื่องจากมองเห็นรูปภาพที่ลูกค้าส่งมา ส่วนคนตาบอดแม้จะตอบแชทลูกค้าได้ไม่ต่างกัน แต่ไม่สามารถมองเห็นรูปภาพที่ลูกค้าแนบมาได้ ดังนั้นคนตาบอดจึงพลาดงานตำแหน่งนี้ไป เพราะหากลูกค้าส่งภาพสินค้าที่มีตำหนิ หรือส่งภาพปัญหาที่ลูกค้าพบเจอเข้ามา คนตาบอดไม่สามารถดูรายละเอียดจากรูปภาพ และไม่สามารถช่วยเหลือลูกค้าได้อย่างตรงจุด

ปัญหาที่ Blind living พูดถึงในบทความนี้ เป็นปัญหาที่มีมานาน ซึ่งเกิดจากสภาพสังคม กฎหมายที่ไม่ครอบคลุม ความไม่เข้าใจในศักยภาพของคนพิการ ฯลฯ ซึ่งควรจะหาทางออกกันต่อไป

ก็ได้แต่หวังว่า ทางรัฐบาลพร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะมองเห็นถึงปัญหา และหาทางออกร่วมกันได้โดยเร็ว เพราะปัญหาเหล่านี้มีแต่จะทับถมมากขึ้น หากเราไม่เริ่งแก้ไขกันอย่างเป็นรูปธรรมสักที


ผู้อ่านสามารถสนับสนุนเว็บไซต์ โดยการอุดหนุนนิยายบนเว็บไซต์ เขียนกันดอทคอม เว็บไซต์อ่านนิยายที่คนตาบอดเป็นเจ้าของ และอยากให้สังคมการอ่านเป็นของคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าตาดีหรือตาบอด

ให้ดาวบทความนี้: 
No votes yet

ต่อสัญญาทุกปี ถ้าไม่ได้ต่อก็ตกงาน

แสดงความคิดเห็น