คุณอยู่ที่

แรมแพงผู้ใช้หวั่น! "แอปกินแรม" สะท้อนความมักง่ายของผู้พัฒนา ที่ผู้ใช้ต้องจำยอมแบกรับภาระ

1.0x

ปรับขนาดตัวอักษร

-A A +A
รูปภาพของ yod007
เขียนโดย yod007 เมื่อ เสาร์, 12/13/2025 - 12:30
Share

ในภาวะที่ราคาหน่วยความจำพุ่งทะยานไม่หยุด ผู้ใช้งาน Windows 11 ต้องเผชิญกับสถานการณ์แอปพลิเคชันหลัก ๆ ใช้ RAM สูงเกินความจำเป็น โดยมีสาเหตุมาจากนักพัฒนาที่เลือก "ทางง่าย" เพื่อลดต้นทุนของตนเอง แต่ผลักภาระค่าใช้จ่ายและประสิทธิภาพไปให้ผู้ใช้เต็ม ๆ

โดย ป๊อกซ่าไอที ผู้เรียบเรียง - สำนักข่าว ไอทีหลังเขา

(13 ธันวาคม 2568)

ในห้วงเวลาที่ตลาดฮาร์ดแวร์เผชิญกับราคาหน่วยความจำ (RAM) ที่ขยับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ใช้คอมพิวเตอร์กลับต้องมานั่งกุมขมับกับปัญหาที่มิได้เกิดจากความผิดของตนเอง นั่นคือ การที่แอปพลิเคชันยอดนิยมหลายตัวบนระบบปฏิบัติการ Windows 11 ได้กลายเป็น "แอปกินแรม" ที่ไร้ความปรานี
การวิเคราะห์ปัญหาดังกล่าวชี้ตรงไปที่การตัดสินใจของบรรดานักพัฒนาแอปรายใหญ่ ที่เลือกใช้เทคโนโลยีเว็บอย่าง Electron และ WebView2 ในการสร้างแอปพลิเคชันบนเดสก์ท็อป แทนการลงทุนพัฒนาเป็น แอปเนทิป (Native App) ที่ถูกออกแบบมาให้เบาและมีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับแพลตฟอร์ม Windows โดยเฉพาะ

ทางง่ายของนักพัฒนา คือภาระหนักของผู้บริโภค

หัวใจของปัญหาคือ แอปที่สร้างด้วย Electron หรือ WebView2 นั้น แท้จริงแล้วคือ "เว็บเบราว์เซอร์ขนาดจิ๋ว" ที่ต้องรันส่วนประกอบทั้งหมดของเอนจินเบราว์เซอร์อย่าง Chromium ควบคู่กันไป ซึ่งหมายความว่า "คุณกำลังเปิด Chrome อีกหนึ่งตัวแบบเต็มระบบ ทุกครั้งที่เปิดแอปแชตหรือประชุม"
ความมักง่ายนี้ทำให้นักพัฒนาสามารถใช้โค้ดชุดเดียวไปรันได้ทุกระบบปฏิบัติการ (Windows, macOS, Linux) ช่วยประหยัดต้นทุนในการพัฒนาและเร่งความเร็วในการปล่อยฟีเจอร์ใหม่ ๆ ได้อย่างมหาศาล
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เช่น แอปสื่อสารยอดนิยมอย่าง Discord ที่สร้างด้วย Electron อาจกิน RAM พุ่งสูงถึง 4 GB ได้อย่างง่ายดาย หรือแม้แต่ WhatsApp ที่เคยเป็นแอป Native (UWP) ที่ลื่นไหลและใช้ทรัพยากรน้อย ก็ถูกลดระดับมาใช้ WebView2 จนกิน RAM สูงถึง 1.2 GB และทำงานอยู่เบื้องหลังอย่างไม่จำเป็น ทั้งหมดนี้เป็นเพียงผลพวงจากการที่บริษัทเลือก "ความง่าย" ของตนเอง

ผู้ใช้ต้องเป็นผู้รับผิดชอบความมักง่าย

สิ่งที่น่าเศร้าคือ ผลพวงของ "ความมักง่าย" หรือการเอาแต่ได้ของนักพัฒนาเหล่านี้ กลับกลายเป็นภาระที่ผู้บริโภคต้องแบกรับไว้แต่เพียงผู้เดียว
• ภาระด้านต้นทุน: เมื่อแอปหลัก ๆ กิน RAM มากขึ้น ผู้ใช้จำต้องจำยอมอัปเกรดเครื่องหรือซื้อ RAM เพิ่ม (ซึ่งมีราคาแพง) เพื่อให้คอมพิวเตอร์ยังคงทำงานได้อย่างราบรื่น
• ภาระด้านประสิทธิภาพ: ผู้ใช้ต้องทนกับอาการหน่วง ช้า หรือปัญหาหน่วยความจำรั่ว (Memory Leak) ที่มักเกิดขึ้นในแอปที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมเว็บ
นักพัฒนาเลือกหนทางที่ง่ายที่สุดเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจของตน โดยไม่ได้ใส่ใจถึง "ประโยชน์ของผู้ใช้สูงสุด" ที่ควรจะได้รับจากซอฟต์แวร์ที่ถูกปรับแต่งมาอย่างดี

สำนักข่าว ไอทีหลังเขา จึงได้แต่เพียงตั้งคำถามไปยังบริษัทซอฟต์แวร์และนักพัฒนาทั้งหลายว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะต้องกลับมาให้ความสำคัญกับการสร้างแอปพลิเคชันแบบ Native ที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อหยุดการผลักภาระ "ค่าแรมที่แพงขึ้น" และ "ประสิทธิภาพที่ลดลง" ให้กับผู้ใช้งานที่จ่ายเงินซื้อผลิตภัณฑ์ของท่านอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย.

ที่มา:
1. Windows Latest (ฉบับภาษาอังกฤษ)
2. Notebookspec (ฉบับภาษาไทย)


ผู้อ่านสามารถสนับสนุนเว็บไซต์ โดยการอุดหนุนนิยายบนเว็บไซต์ เขียนกันดอทคอม เว็บไซต์อ่านนิยายที่คนตาบอดเป็นเจ้าของ และอยากให้สังคมการอ่านเป็นของคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าตาดีหรือตาบอด

แสดงความคิดเห็น