ตั้งแต่จำความได้ เราเห็นภาภคนตาบอดตามที่สาธารณะต่างๆ เช่น ตามถนน ตามตลาดนัด โรงภาพพยนตร์ฯ ซึ่งภาพที่เราเห็นก็คือ บ้างก็แต่งตัวมอมแมม สกปรก บ้างก็ถือขันหนึ่งใบนั่งตรงสะพานลอย บ้างก็ถือกล่องหนึ่งใบเพื่อสมาคมและทุนอาหารกลางวันและถือไมท์ร้องเพลง เพราะบ้าง ไม่เพราะบ้าง ยอมรับว่าเราเห็นแล้วสงสารจึงให้เงินจำนวนไม่มากมายอะไร บ้างก็สิบบาทยี่สิบบาท คิดว่านี่คือการให้หรือทำบุญอีกรูปแบบหนึ่งแล้วก็เดินจากไป
จนเมื่อเราได้พบกับเพื่อนซึ่งเป็นคนตาบอด ใน vesingโดยบังเอิญ ร้องเพลงมาสักพักถึงรู้ว่าเขาตาบอดและเพื่อนคนนี้ก็ได้ให้ข้อมูลที่ถูกต้องจริงๆกับเราว่า คนตาบอดจริงๆแล้วมีศักยภาพมากกว่าที่เราเห็น เขาอยากให้เรารับรู้ข้อมูลที่มีประโยชน์และปัญหาที่คนตาบอดต้องเจอ เขาบอกเราว่า คนตาบอดอย่างพวกเราไม่ต้องการความสงสาร เขาแค่ต้องการโอกาส ต้องการที่ยืน อย่างมีเกียตร์และศักดิ์ศรีเหมือนคนตาดีเท่านั้น และการที่เรามอบเงินให้กับคนตาบอดนั้นเป็นการส่งเสริมให้เขายิ่งทำผิดไม่ยอมพัฒนาตัวเองซึ่งก็จริง
เขาอยากให้คนตาบอดลุกขึ้นมาปฏิรูปตัวเองให้ดีขึ้น มีงานการทำที่ มีศักดิ์ศรีมากกว่านี้ ไม่ใช่เอาความน่าสงสารมาเร่ขาย ย้ำนี่คือความคิดเห็นส่วนตัวของเพื่อนของเรา เขาจริงจังกับเรื่องนี้มาก เพราะมันจะสูญเปล่ากับสิ่งที่พวกเขาได้ร่ำเรียนมา เออมันก็จริง!
เพื่อนเราคนนี้มีความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนภาพคนตาบอดที่เราเจอในรูปแบบเดิมๆ เขาเป็นเพื่อนคนตาบอดที่ทำให้เรารู้สึกทึ่งกับสิ่งที่เขาคิด และทำอยู่ตอนนี้ คือ เดินทางไปไหนมาไหนคนเดียวได้ ใช้ชีวิตเหมือนคนตาดีได้ทุกอย่างและอยู่คนเดียว เที่ยวคนเดียวแต่งตัวสะอาดสะอ้านมีวิชาหมอนวดเลี้ยงตัวเอง กระบวนการคิดเป็นขั้นเป็นตอน วางแผนชีวิตได้ค่อนข้างดีมาก มีระเบียบวินัย อันนี้เราชอบมาก ถึงจะดูแข็งกร้าว พูดอีกทีคือก้าวร้าวแต่มันมีที่มาที่ไปแน่นอน เพราะสังคมหรือคนรอบข้างได้กระทำกับเพื่อนเราหรือคนตาบอดอีกหลายคนทั้งตั้งใจ และไม่ตั้งใจ
เพื่อนเรามักจะพูดเสมอว่า อย่าเรียกพวกเขาจัดอยู่ในโลกมืด เพราะเขาเกลียดมากกับคำๆนี้ เพราะพวกเขาก็อยู่บนโลกใบเดียวกันกับพวกเราคนตาดีนั่นแหละ อย่าแบ่งแยกกันด้วยวลีคำคำนี้
เพื่อนเราที่ตาบอดคนนี้ถูกกระทำจากครอบครัว ซึ่งครอบครัวน่าจะเป็นอะไรที่มีความสุขมากกว่าความทุกข์ แต่ว่ามันไม่ใช่เลย เขาถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจมาตั้งแต่จำความได้ ถูกกระทำจากสังคมที่ไร้จิตสำนึกและความเอื้ออาทรต่อกัน การช่วยเหลือคนตาบอดกลับกลายเป็นเรื่องน่าอาย นั่นคือการทำความดีนะ แต่สังคมตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น แค่ข้ามถนนคนตาดีก็มองกันแทบไม่ทันแล้ว แล้วคนตาบอดล่ะ เขาต้องเสี่ยงมากๆแต่มันไม่ใช่อุปสรรคสำหรับคนตาบอดที่มีศักยภาพอีกต่อไป เพราะเขามีการพัฒนา
ตนเองและมีความใฝ่รู้ตลอดเผลอๆเก่งกว่าคนตาดีบางคน
ถ้าคนตาดีได้อ่านบทความนี้ เราอยากให้คนตาดีได้ทำในสิ่งที่ควรทำ คือทำดีโดยไม่ต้องอาย เดินเข้าไปช่วยเหลือโดยไม่ต้องรีรอ เพราะเขาแค่ตาบอด, เขาไม่ได้เป็นโรคติดต่อร้ายแรงอะไรเลย!
คำนี้เราชอบมาก เออใช่ เขาแค่ตาบอดนะ เราจะไปรังเกียจเขาทำไม เขาถาม?เราก็ตอบ!ก็เท่านั้นอิ่มใจด้วยรู้สึกดี ถ้ามีโอกาสได้ทำก็ทำ มีโอกาสได้สอนลูกหลานก็สอน ว่านี่คือสิ่งที่เราควรทำ ควรช่วยเหลือ ทำดีไม่ต้องอาย
คำถามที่เพื่อนคนตาบอดปวดหัวไม่ชอบ?คือ กินข้าวยังไง อาบน้ำยังไง ยังมีอีกเยอะ เขาแค่ตาบอดเท่านั้น อย่างอื่นปกติ มันก็จริง ทีนี้ก่อนจะถามเราคนตาดีคงต้องคิดก่อนแล้วล่ะ
เพลงบางบทเพลงก็ทำร้ายจิตใจโดยเจตนา หรือไม่เจตนา เอาปมด้อยเขามาแต่งเป็นเพลง มาเล่นตลก เอามาทำรายการในยูทูปแกล้งคน ซึ่งเราเข้าใจและต้องยิ่งใส่ใจว่า ก่อนจะทำอะไร คิดให้เยอะๆ นึกถึงใจเขาใจเรา อย่าคิดแต่เรื่องผลประโยชน์ คุณสนุก แต่เขาไม่สนุกด้วย
เขียนมาก็เยอะพอสมควร มีอะไรอีกเยอะที่อยากจะบอกเล่าประสบการณ์ที่มีกับเพื่อนตาบอด การคบเพื่อนตาบอดให้อะไรมากกว่าที่เราคิดเยอะ คำตอบที่เขาตอบเรา ทำให้เรา
, ดูโง่ไปเลยก็มี ซึ่งเราต้องยอมรับ เออจริง เราทำไมลืมเรื่องนี้ไป
เช่น คุณรู้ได้ไงว่าข้างหน้ามีชาวต่างชาติ เขาบอกว่าเขาไม่ได้หูหนวกนะ เขาใช้อวัยวะส่วนที่ดีและมีให้ได้ประโยชน์ที่สุด! เราดูเอ๋อไปเลย! นี่คือการที่เราไม่เคยมีประสบการณ์ในการมีเพื่อนตาบอดมันก็จะเป็นแบบนี้ แต่คงไม่ทุกคน!
เวลาเรานั่งรถเดินทาง เรามักจะเพลินกับการฟังเพลงจากโทรศัพท์ หรือดูเฟสฯ แต่คนตาบอดที่เดินทางคนเดียวเขากลับต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมากกับการจำเส้นทาง เช่นมีลูกระนาดกี่ลูกต้องเลี้ยวกี่ครั้ง ข้างทางขายอะไร ตรงนี้ขายไก่ทอด รู้เพราะได้กลิ่น คือประสาทสัมผัสทั้งหมดต้องนำมาใช้ประกอบกับชีวิตประจำวันให้มากที่สุด สามารถเดินทางไปซ่อมคอมฯให้คนตาดีได้ ยอมรับในการพัฒนาและใฝ่รู้ของคนตาบอดที่ต้องอยู่และยืนด้วยขาของตัวเองให้ได้
บทความนี้น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอีกหลายๆคน ทั้งตาดี ตาบอด ได้เห็นตัวอย่างดีๆนำไปใช้หรือเป็นแนวคิดก็ยังดี
เราอยากเล่าประสบการณ์ที่เจอหรือรับรู้ในสิ่งที่เพื่อนคนตาบอดของเราได้ถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆให้เราได้ฟัง ครั้งน่าเราจะเจาะลึกถึงชีวิตคนตาบอดให้ถึงแก่นกว่านี้แน่นอน อย่าลืม อ่านแล้วคิดตาม เอาใจใส่เข้าไป หลับตา นึกภาพ ติดตามอ่านในครั้งต่อๆไป
ผู้อ่านสามารถสนับสนุนเว็บไซต์ โดยการอุดหนุนนิยายบนเว็บไซต์ เขียนกันดอทคอม เว็บไซต์อ่านนิยายที่คนตาบอดเป็นเจ้าของ และอยากให้สังคมการอ่านเป็นของคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าตาดีหรือตาบอด
แสดงความคิดเห็น