
“ประโยคสั้น ๆ วันนั้น…ทำให้ผมจำไปทั้งชีวิต”
ประมาณสิบปีก่อน…ผมทำงานอยู่ร้านนวดชื่อดังแถวนวมินทร์
วันหนึ่ง…ผมกับน้องสาวชวนกันไปเดินตลาดบางกะปิ
พอเดินถึงห้างใหญ่ใกล้ ๆ กัน ก็ได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังแข่งกันอยู่หน้าห้าง — เสียงลูกหมาหลายตัวส่งเสียงร้องคิกคัก
ผมเป็นคนรักหมามาก พอได้ยินก็เหมือนหัวใจถูกดึงเข้าไปหา
น้องสาวจูงมือผมเข้าไปใกล้ แล้วจับมือผมไปวางบนตัวลูกหมาตัวหนึ่ง…
ขนนุ่ม… อุ่น… ตัวเล็กจนพอดีอุ้งมือ
มันน่ารักจนหัวใจผมเต้นแรง เหมือนมันกำลังบอกว่า “พาฉันกลับบ้านนะ”
ผมเงยหน้าถามคนขายด้วยรอยยิ้ม “ตัวนี้ราคาเท่าไหร่ครับ”
…เงียบ
น้องสาวกระซิบว่า คนขายมองผมแบบแปลก ๆ
ผมถามอีกครั้ง
คราวนี้เสียงเขาเย็นชาและกดต่ำ
“แล้วคุณมีเงินเท่าไหร่”
ผมตอบสุภาพ “ผมน่าจะพอซื้อได้นะครับ ผมมีเงิน”
แล้วประโยคต่อมาก็เหมือนค้อนเหล็กตอกลงกลางอกผม
“ขอโทษนะคะ ฉันไม่อยากขายให้… ไม่อยากขายหมาให้คนตาบอด เลี้ยงได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ จะไปปล่อยทิ้งหรือเปล่าก็ไม่รู้”
น้องสาวเงียบ มือที่จับแขนผมอยู่สั่นเล็กน้อย
ผมยืนอยู่ตรงนั้น… เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน
เสียงรอบข้างจางหาย เหลือเพียงความหนักอึ้งในหัวใจ
ผมไม่เถียง ไม่โต้ เพราะรู้ว่า ต่อให้พูดมากแค่ไหน…
เขาก็ไม่มีวันเข้าใจ ว่า “ความรัก” ไม่ต้องใช้ดวงตา
การดูแลใครสักตัว มันใช้หัวใจ
เราหันหลังกลับมาเงียบ ๆ โดยที่ภาพลูกหมาขนนุ่ม… ยังคงอยู่ในใจผมจนถึงวันนี้
สิบปีผ่านไป
ผมยังจำได้ทุกคำ ทุกน้ำเสียง และทุกความรู้สึกในวันนั้น
มันสอนผมว่า…คนเรามองเห็นทุกอย่าง
ยกเว้น “หัวใจของกันและกัน”
อย่าตัดสินใคร…เพียงเพราะสิ่งที่ตาเห็น
เพราะบางที… คนที่มองไม่เห็น อาจ “มองเห็น” ความรักได้ชัดกว่าคุณ
ที่มา: Facebook Sittipong Manjit
การเผยแพร่เรื่องราวในครั้งนี้ทาง Blind Living ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานอย่างเป็นทางการแล้ว
ผู้อ่านสามารถสนับสนุนเว็บไซต์ โดยการอุดหนุนนิยายบนเว็บไซต์ เขียนกันดอทคอม เว็บไซต์อ่านนิยายที่คนตาบอดเป็นเจ้าของ และอยากให้สังคมการอ่านเป็นของคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าตาดีหรือตาบอด
แสดงความคิดเห็น