คุณอยู่ที่

เสียงที่เบากว่าเสียงรถไฟฟ้า

1.0x

ปรับขนาดตัวอักษร

-A A +A

ชีวิตผมไม่มีอะไรซับซ้อน

ผมเป็นคนตาบอด ใช้ชีวิตอยู่กับเสียงและจังหวะประจำวัน

ทุกเช้า ผมนั่งรถไฟฟ้าสีชมพูจากศรีรัช ต่อสายสีเขียวที่วัดพระศรี ไปลงชิดลม เย็นก็ย้อนเส้นเดิมกลับ วนอยู่อย่างนี้…ทุกวัน

ผมฟังเสียงของเมือง ฟังเสียงฝีเท้าคน ฟังเสียงการมีชีวิต ผมจำจังหวะได้หมด

เสียงเปิดประตูรถ เสียงประกาศสถานี เสียงหายใจของคนที่ยืนข้าง ๆ

วันนั้นเหมือนทุกวัน — จนกระทั่งเบาะข้าง ๆ ว่าง แล้วมีผู้ชายวัยรุ่นคนนึงมานั่งลง

เขาเงียบแค่ไม่กี่วินาที ก่อนจะพูดกับผมว่า… “พี่… ผมไม่ไหวแล้วว่ะ ผมเครียดมาก งานที่ทำก็เงินน้อย ใกล้จะตกงาน ไม่รู้จะอยู่ยังไง ขอกำลังใจหน่อยได้มั้ย ผมไม่อยากหายไป แต่ผมไม่รู้จะอยู่ต่อไปเพื่ออะไร”

ตอนนั้นผมง่วง…

เป็นช่วงเช้า ๆ ที่ทุกอย่างยังไม่ชัดในหัว แต่ประโยคนั้นมันตื่นกว่าคาเฟอีน มันเป็นเสียงของคนที่กำลังจมหาย…ไม่ใช่เสียงตะโกน แต่เป็นเสียงสุดท้ายที่เขาพอจะเปล่งได้

ผมไม่เห็นหน้าเขา แต่ผมได้ยินน้ำหนักของความเจ็บปวดในคำพูดเขา เหมือนคนที่กำลังขอความหวังจากคนแปลกหน้า…ในรถไฟฟ้าขบวนหนึ่ง

ผมก็แค่พูดในสิ่งที่ผมเชื่อ…ไม่ใช่เพราะผมเก่งหรือเข้าใจโลกมากกว่าเขา แต่เพราะ…ผมก็เคยอยู่ในจุดที่รู้สึกว่า “ไม่มีอะไรเลย” มาก่อนเหมือนกัน

ผมบอกเขาว่า… “ถ้าเรายังพูดออกมาได้ว่ายังอยากสู้ แปลว่ายังเหลือไฟอยู่ในตัว วันนี้มันอาจหนัก แต่มันจะไม่หนักแบบนี้ไปตลอด ขอแค่ไม่ยอมแพ้กับตัวเอง วันนึงมันจะดีขึ้น ผมไม่เห็นโลกใบนี้ แต่ผมรู้…ว่ามันเปลี่ยนได้”

เขาเงียบไปพักนึง แล้วพูดเบา ๆ ว่า “ผมมีกำลังใจขึ้นมาเลยพี่ ขอบคุณมากเลยนะ ผมไม่ได้คิดว่าพี่จะฟังผมจริง ๆ ด้วยซ้ำ”

ผมยิ้ม…ในความเงียบของตัวเอง ก่อนเขาจะลงสถานีหนึ่งไปแบบเงียบ ๆ เงียบเหมือนตอนที่เขาเข้ามา แต่ครั้งนี้…เสียงเขาเบาขึ้น เพราะแบกอะไรน้อยลงไปนิดนึง

บางครั้งคนที่ดูนิ่ง ๆ ข้าง ๆ เรา อาจกำลังจะหมดแรงในแบบที่ไม่มีใครรู้

บางครั้งคนตาบอดอย่างผม อาจเห็นบางอย่างที่คนลืมมอง

บางครั้ง…การไม่ปล่อยให้ใครจมหายไปเงียบ ๆ แค่ฟังเขาจนจบ ก็อาจช่วยเขาไว้ได้จริง ๆ

ไม่ต้องรู้จักกัน

ไม่ต้องเก่ง

แค่ใจเรายังมองเห็นกัน แค่นั้นก็พอแล้ว

ถ้าคุณกำลังเหนื่อยอยู่ตอนนี้ ผมแค่อยากบอกว่า… คุณยังไม่หมดโอกาส และคุณยังมีค่าพอจะอยู่ต่อ —

แค่ฟังก็ช่วยชีวิตคนได้

ในวันที่แทบไม่ไหวเรายังมีใครสักคน

ผมมองไม่เห็นโลกแต่ผมฟังเขาได้

ที่มา Facebook: Sittipong Manjit

การเผยแพร่บทความในครั้งนี้ ทาง Blind Living ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานอย่างเป็นทางการแล้ว


ผู้อ่านสามารถสนับสนุนเว็บไซต์ โดยการอุดหนุนนิยายบนเว็บไซต์ เขียนกันดอทคอม เว็บไซต์อ่านนิยายที่คนตาบอดเป็นเจ้าของ และอยากให้สังคมการอ่านเป็นของคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าตาดีหรือตาบอด

แสดงความคิดเห็น