คุณอยู่ที่

James Nirandorn Khomkhao's blog

ปรับขนาดตัวอักษร

-A A +A

คนตาบอดก็มีเดทที่ดีได้ : แบ่งปันประสบการณ์ตรงจากคนตาบอดที่ไม่คิดว่าการมองเห็นคืออุปสรรคในการออกเดทกับใครสักคน

ผมเชื่อว่าหลายคนที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น โดยเฉพาะคนตาบอดแบบผม ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหน ถ้าต้องออกเดทกับใครสักคน ไม่ว่าจะเป็นคนที่เพิ่งรู้จักหรือกำลังคบหากันอยู่ ย่อมต้องรู้สึกตื่นเต้นเป็นธรรมดา เพราะการเดทคือช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เราต้องเปิดเผยตัวตนให้คนตรงหน้ารับรู้ และอาจเป็นช่วงเวลาที่ตัดสินว่าเธอจะอยากรู้จักเราต่อหรือไม่

บทความนี้ผมจึงอยากแบ่งปันประสบการณ์จริงและเทคนิคเล็ก ๆ ที่ผมใช้ในการออกเดท เพื่อให้คนตาบอดอย่างเราได้แสดงเสน่ห์ในแบบของตัวเอง และสำหรับใครก็ตามที่อยากเรียนรู้การออกเดทแบบใส่ใจ ไม่ใช่แค่ใส่สูทแล้วหวังผล ผมว่าความรู้ที่ผมนำมาแบ่งปันอาจจะช่วยคุณได้ไม่มากก็น้อยครับ

ว่าด้วยเรื่องปัญหาของคนตาบอดในการทำธุรกรรมกับธนาคาร : เมื่อสิทธิยังเป็นเพียงทฤษฎีบนหน้ากระดาษ

การเข้าถึงบริการทางการเงินถือเป็นสิทธิพื้นฐานของพลเมืองทุกคน แต่ในความเป็นจริง กลุ่มคนตาบอดยังคงเผชิญอุปสรรคมากมายในการทำธุรกรรมกับธนาคาร ซึ่งเป็นปัญหาที่ดำรงอยู่มานานโดยไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง อุปสรรคเหล่านี้ส่วนใหญ่มักเกิดจากทัศนคติ ความไม่เข้าใจ หรือการขาดระบบรองรับที่เหมาะสม ทั้งที่ในทางกฎหมาย คนตาบอดก็มีสถานะความเป็นบุคคลและมีความสามารถทางนิติกรรมไม่ต่างจากคนทั่วไป

คนตาบอดเลือกแฟนกันยังไง มีสเปคไหม ใครสวย ใครหล่อ ดูยังไง

คนตาบอดมีสเปคหรือไม่? นี่คงเป็นคำถามที่ใครหลายคนสงสัยและอยากรู้

โดยหลักแล้วนั้นคนตาบอดก็มีความรักได้ไม่ต่างจากคนที่ตาไม่บอดเลย ซึ่งจากเรื่องนี้เราจะเห็นอยู่แล้วว่าในสังคมคนตาบอดหลายคนก็มีแฟน มีครอบครัว แต่งงานมีลูก แล้วก็ได้ใช้ชีวิตกับคู่รักของตนเองอย่างดี แต่ในประเด็นดังกล่าวนี้หลายคนก็คงอยากจะรู้ว่าคนตาบอดมีสเปคหรือไม่ รสนิยมเป็นอย่างไรหรือแค่ใจก็อยู่กันได้แล้วไม่ต้องคิดอะไรมาก หรือคนตาบอดเลือกจากปัจจัยใดบ้าง โดยเรื่องนี้ตัดเรื่องการเป็นแฟนจากภายในเช่นเรื่องลักษณะนิสัยข้อดีข้อเสียอื่นใดทั้งหมดนะครับ เพราะเราจะคุยกันแต่ในเรื่องรสนิยมและความชอบเท่านั้น

ชวนส่องมาตรา 35 พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการเป็นสัญญาประเพทใด ทำไมคนพิการที่ทำงานมาตรานี้ยังมีความเสี่ยงเรื่องอาชีพ

แม้ในปัจจุบันจะมีการจ้างงานคนพิการตามมาตรามากขึ้นก็จริง แต่ทั้งนี้ก็เห็นหลายๆบริษัทเช่นกันเลือกที่จะไม่จ้างงานคนพิการที่ผมจะเรียกมันว่าเป็นการจ้างแรงงาน ทั้งนี้ผมจะขอพูดถึงอยู่ 2 มาตราด้วยกันคือ

มาตรา 33 วางหลักว่า “เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการ และหน่วยงานของรัฐรับคนพิการเข้าทำงานตาม ลักษณะของงานในอัตราส่วนที่เหมาะสมกับผู้ปฏิบัติงานในสถานประกอบการหรือหน่วย งานของรัฐ ทั้งนี้ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานออกกฎกระทรวงกำหนดจำนวนที่ นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการ และหน่วยงานของรัฐจะต้องรับคนพิการเข้าทำงาน”.

ทำงานไม่ได้หรือไม่มีโอกาสได้ทำ? ชวนอ่านความคิดเห็นว่าการจ้างงานคนตาบอดมีน้อยเพราะอะไร

เนื่องจากเราได้ผ่านวันแรงงานซึ่งเป็นวันสำคัญของชาวแรงงานไปแล้ว ดังนั้นในบทความนี้เอง กระผมใคร่จะได้ขอพูดถึงการจ้างงานคนพิการซึ่งผมเคยวางแผนไว้นานแล้วว่าจะเขียนซักหน่อย

ก่อนที่จะมีการวิเคราะห์ว่ามันเป็นเพราะเหตุใด ผมก็อยากจะยกกฎหมายเพื่อให้เกิดความเข้าใจในเจตนาที่จะสื่อเสียก่อน

พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 แก้ไขล่าสุด พ.ศ. 2556 ได้มีมาตราที่เกี่ยวกับการจ้างงานคนพิการดังที่จะกล่าวโดยสังเขปดังนี้คือ

ว่าด้วยเรื่องที่คิดว่าคนตาดีอยากถามคนตาบอด

วันนี้นั่งว่าง ๆ ในยามบ่าย อยู่ในช่วงที่ไม่มีงานอะไรเร่งด่วน ผมจึงได้พิจารณาอะไรหลาย ๆ อย่าง วันนี้เลยนั่งค้นหาข้อมูลและคิดอะไรตามประสาคนสมองไม่อยู่นิ่ง และได้สังเกตความเป็นไปของชีวิต โดยใช้ฐานคิดมาจากความตาบอดของตนเอง ย้ำว่าเป็นเพียงฐานคิดแบบคนตาบอดของตนเอง อาจมีการค้นหาข้อมูลเล็กน้อยมาประกอบเท่านั้น

เนื่องเพราะในสังคมมีความหลากหลาย และผมก็เป็นคนคนหนึ่งที่อยู่ในสังคมทั่วไป เนื่องจากความแตกต่างกันของเพื่อนมนุษย์ ความสงสัยบางอย่างจึงเกิดขึ้น

Subscribe to RSS - James Nirandorn Khomkhao's blog