สวัสดีครับเพื่อน ๆ สายไอทีทุกท่าน! กลับมาพบกับผม ป๊อกซ่าไอที กันอีกครั้ง! (แต่รอบนี้ เราขอพักเรื่อง Computer, Smart Phone, หรือปัญหาไอทีกันไว้ก่อน)
อย่าเพิ่งแปลกใจกันไปครับ หากบทความนี้จะดู "แหวกแนว" กว่าที่เคย เพราะปกติแล้วพื้นที่ตรงนี้ของผมจะเน้นเรื่องการแก้ปัญหา Windows, การตั้งค่าโปรแกรม, หรือการอัปเดตเทคโนโลยีล่าสุดของสมาร์ทโฟนเป็นหลัก แต่ระหว่างที่ผมกำลังสไลด์หน้าฟีด Facebook เพื่อหาข้อมูลไอทีต่าง ๆ นั่นแหละ ผมก็ได้ไปสะดุดเข้ากับโพสต์ที่น่าสะเทือนใจอย่างยิ่ง
โพสต์ดังกล่าวมาจาก Facebook ของคุณ Nu Deenie ซึ่งเล่าถึงเรื่องราวของพ่อค้าแม่ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลผู้พิการทางสายตา ที่ถูกมิจฉาชีพใช้กลโกงต่าง ๆ นานาเข้าจู่โจมและฉกฉวยทรัพย์สิน ความรู้สึกแรกที่พุ่งเข้ามาคือ "จุก" และเห็นใจอย่างท่วมท้น จนผมรู้สึกว่า "ปล่อยผ่านไม่ได้" ต้องเอามาเรียบเรียงต่อจริง ๆ
ดังนั้น ผมจึงขออาสานำเรื่องราวที่เข้มข้นและเจ็บปวดเหล่านี้มา "ร้อยเรียง" ขึ้นใหม่ โดยใช้ Gemini ช่วยเสริมเพื่อให้กลายเป็นเรื่องสั้นที่สะท้อนความจริงในสังคมของเรา หวังว่าเรื่องนี้จะช่วย "เปิดโลก" และทำให้พวกเราทุกคนได้เห็น "ศึกหนักที่ซ่อนอยู่" ของผู้ประกอบอาชีพเหล่านี้ครับ
เงาและตัวเลข: ชีวิตติดหล่มของ "ลุงโชค" พ่อค้าลอตเตอรี่ตาบอด
กลลวงและมือที่มองไม่เห็น
ลุงโชคก้มหน้า มือค่อย ๆ สัมผัสไปตามรอยนูนของอักษรเบรลล์บนมุมปึกสลากฯ อย่างแผ่วเบา สัญชาตญาณอันพร่าเลือนของเขาตะโกนเตือนว่าวันนี้จะเป็นวันหนักหน่วง อากาศร้อนจัดจนเงียบงัน กระทั่ง เสียงหอบหายใจของใครบางคนก็ดังใกล้เข้ามาอย่างจงใจ
ลูกค้าป้า (มนุษย์ป้า): "นี่พ่อค้า เลือกยากจริงนะเลขท้ายสามตัวนี่ มีเลข 55 มั้ย? อุ๊ย! ของเยอะแยะไปหมดเลย"
เสียง 'ตุบ' ดังขึ้นอย่างไม่เกรงใจ, กระเป๋าผ้าใบใหญ่ถูกวาง 'ทับ' ลงบนแผงสลากฯ ของเขาทันที! นี่คือการจงใจบดบังสิ่งที่เขามองไม่เห็นอยู่แล้วอย่างเลือดเย็น ลุงโชคกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเฝื่อน นี่คือสัญญาณอันตรายแรกที่เขาต้องรับมือด้วยความนิ่งเงียบ
ลุงโชค: "เลข 55 ไม่มีครับป้า มี 656 กับ 569 แทนไหมครับ? ให้ผมหยิบให้ไหมครับ?"
ลูกค้าป้า: "เอา อ๊ะ! อย่าเลื่อนมือมาทางนี้นะพ่อค้า! เดี๋ยวเลขมันเคลื่อน! ฉันไม่โกงเธอหรอกน่า! ทำเป็นระแวงไปได้! เลือกเองได้! แค่ไม่เห็นเลขชัด!"
น้ำเสียงที่เปลี่ยนเป็นหงุดหงิดเกรี้ยวกราดอย่างรวดเร็ว บังคับให้ลุงโชคต้องชักมือกลับอย่างยอมจำนน ปล่อยให้มือของลูกค้าคนนั้นสัมผัสและขยับปึกสลากฯ ไปทั่วอย่างผิดวิสัย เสียงการรื้อค้นดำเนินไปอย่างเชื่องช้า แต่ทุกวินาทีคือความทรมานที่รู้ว่าตัวเองกำลังถูกฉกฉวย จนในที่สุด
ลูกค้าป้า: "เอาสองใบนี้! เร็ว ๆ หน่อย ฉันรีบ! นี่เงินทอน! ไว้ใจได้น่า! ไม่มีเวลามานั่งนับหรอก! ไปนะ!"
ลุงโชคสัมผัสได้ถึงสลากฯ สองใบที่ถูกยัดใส่มือ และแบงก์ยี่สิบที่ถูกโยนทิ้งไว้บนแผง เสียงฝีเท้าหายลับไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้พยายามทักท้วง แต่ใช้มือคลำไปทั่วพื้นที่ที่กระเป๋าถูกวางบังไว้ ความหนาวเย็นวิ่งวาบไปตามกระดูกสันหลัง "เอ๊ะ สองใบกับแบงก์ยี่สิบ? นี่มันผิดปกติ!" เขาคลำจำนวนสลากฯ ที่อยู่บนแผงอย่างรวดเร็ว หัวใจของเขาร่วงไปอยู่ตาตุ่ม "หายไป สองปึกใหญ่!"
พลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์เดินกลับมาพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสารและโทสะ
พลเมืองดี: "ลุงโชค! ผมเห็นชัด ๆ เลยนะครับ! ผู้หญิงคนนั้นเอากระเป๋าวางบังแล้วดึงปึกใหญ่ ๆ ออกไปสองปึกก่อนจะยัดแค่สองใบใส่กระเป๋าให้ลุง! แจ้งความเถอะครับลุง!"
ลุงโชค: "ไม่เป็นไรหรอกครับหนุ่ม" ลุงโชคพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่พยายามให้หนักแน่น "โกงไปก็ไม่พ้นไปไหนหรอก เสียเวลาทำมาหากิน"
เขาก้มหน้านับแบงก์ยี่สิบในมือซ้ำ ๆ ราวกับเป็นการลงโทษตัวเองที่อ่อนแอเกินไป
มายาแห่งความไว้ใจ: การฉ้อฉลในคราบสุภาพชน
ความเจ็บปวดจากการถูกฉกฉวยยังไม่ทันจางหาย ปัญหากลับมาในรูปแบบของการ "ตีเนียน" ที่อาศัยความเชื่อใจของเขาอย่างเลือดเย็น
เหตุการณ์: กลโกงสลากฯ ย้อนหลัง
เย็นวันต่อมา ชายหนุ่มท่าทางภูมิฐานเข้ามาหาลุงโชคด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลอย่างน่าประหลาดใจ
ชายหนุ่ม: "ลุงครับ ผมจำได้ว่าเคยมาซื้อหวยกับลุงเมื่อสามวันก่อน เป็นเลข 828 ใบเดียว งวดที่แล้วน่ะครับ ลืมตรวจ ขอคืนได้ไหมครับ? มันไม่ถูกน่ะ ผมจำได้เป๊ะ ๆ ว่าซื้อกับลุงช่วงบ่าย ๆ เลยครับ"
ลุงโชค: "อ๋อ เลข 828 เหรอครับ? เอามาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?"
ลุงโชครับสลากฯ ใบนั้นมาคลำที่มุมอย่างรอบคอบ เขาสลักสัญลักษณ์เบรลล์ไว้กับสลากฯ ที่ขายไปแล้วทุกล็อตเพื่อป้องกันกลโกงนี้ มันคือการต่อสู้ด้วยรหัสลับที่เขาหวังว่าจะไม่มีใครรู้
ลุงโชค: "อืมมม สลากฯ ใบนี้มีรหัสเบรลล์ 'ด' ครับ ซึ่งของผมจะต้องเป็นรหัส 'จ' ของล็อตวันนี้ และ 'ว' ของล็อตเมื่อสามวันก่อน ใบนี้ไม่ใช่ของผมนะครับคุณ"
ชายหนุ่ม (เสียงอึกอักอย่างควบคุม): "อ้าว เหรอครับ สงสัยผมจะจำผิดแผง แย่จังเลยนะครับเนี่ย เอ่อ ขอโทษนะครับลุง"
ชายหนุ่มวางสลากฯ คืนลงบนแผงอย่างรีบร้อน ก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็วพร้อมเสียงหัวเราะแหะ ๆ ที่ลุงโชครู้ดีว่ามันคือการกลบเกลื่อนความอับอายที่ถูกจับได้
เหตุการณ์: การสลับเงินในความชุลมุน
ในช่วงที่ลูกค้าคนอื่นกำลังชุลมุน มีชายอีกคนแทรกเข้ามาพร้อมกับจังหวะที่ลูกค้าคนก่อนหน้าจ่ายแบงก์พัน
ลูกค้าคนก่อนหน้า: (จ่ายแบงก์พัน) "ลุงครับ ทอนมาเลยครับ"
ขณะที่แบงก์พันยังอยู่ในมือของลุงโชค จู่ ๆ ชายอีกคนก็แทรกตัวเข้ามาแล้วยื่นสลากฯ สองใบอย่างถือวิสาสะ
มิจจี้: "นี่ลุง! สองใบนี้! หยิบเงินทอนจากแบงก์พันในมือลุงมาเลย! ผมรีบมาก! ไม่มีเวลาเสียแล้ว!"
ลุงโชค: "เดี๋ยว คุณยังไม่ได้จ่ายเงินนะครับ! เงินทอนของคนอื่น!"
มิจจี้: "อ้าว! ลุงก็ทอนมาสิ! ทำเป็นท้วง! ล้อเล่นน่า! ไม่เอาแล้ว!"
มิจจี้คนนั้นวางสลากฯ ลงบนแผงแล้วหายตัวไปทันที ท่าทีของเขาคือการเสี่ยงดวง ถ้าลุงเผลอทอนเงินจากแบงก์พันของลูกค้าคนอื่น เขาก็จะได้เงินฟรีทันที นี่คือการจู่โจมที่ใช้ความเร็วและความบกพร่องทางสายตาเป็นอาวุธ
เหตุการณ์: มิตรภาพปลอมบนโลกดิจิทัล
สิบนาทีต่อมา หญิงสาววัยกลางคนเข้ามาเลือกเลขด้วยท่าทีพิถีพิถัน และตกลงซื้อสลากฯ มูลค่า 120 บาท
ลูกค้า: "โอนนะคะ 100 บาทพอเนอะ! อยากช่วยลุงหรอกถึงซื้อเนี่ย! ปกติหนูซื้อแค่ 80!"
ลุงโชค: "เดี๋ยวครับคุณ ยอด 120 นะครับ"
ลูกค้า: "โอนแล้วค่ะ! โอนแล้ว! 100 บาทไง! เพราะอยากช่วยหรอก! ไปก่อนนะคะ!"
เธอเดินหายไปอย่างรวดเร็ว ลุงโชคหยิบโทรศัพท์มือถือที่ตั้งค่าให้ส่งเสียงแจ้งเตือนเงินเข้า แต่ไม่มีเสียงใด ๆ ดังขึ้น เขาต้องปัดหน้าจอเพื่อเลื่อนฟังเสียงบรรยายข้อมูลและตรวจสอบยอดเงินเข้า-ออก และพบว่ายอดเงินที่เข้ามาคือ "10 บาท" ไม่ใช่ 100 บาท และแน่นอนว่าไม่ใช่ 120 บาท
"สิบบาท สิบบาท!" ลุงโชคกำมือแน่นจนสั่นเทา "ไม่ว่าจะเผลอลืมกดเลขศูนย์ หรือตั้งใจ มันคือการโกงที่ใช้ 'คำว่าน้ำใจ' มาเป็นเครื่องมือหลอกลวงความเชื่อใจของคนตาบอดอย่างร้ายกาจ!"
ภัยร้ายจากเงาอำนาจที่มองไม่เห็น
ความเสียหายที่ร้ายแรงที่สุด คือการที่คนมีอำนาจมาสวมบทบาทหลอกลวง ซึ่งทำให้ความเชื่อมั่นต่อสังคมของพวกเขาสั่นคลอน
วันก่อนฝนตกหนัก รุ่นน้องพ่อค้าสลากฯ ชื่อ "เล็ก" โทรศัพท์มาหาลุงโชคด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง
เล็ก: "ลุงโชค! ผมโดนแล้ว! โดนไอ้พวกใส่เสื้อคล้าย ๆ เจ้าหน้าที่รัฐ เข้ามาทักทาย บอกว่าผมตั้งแผงผิดกฎหมาย ขายเกินราคาบ้างล่ะ ร่ายยาวเหมือนเป็นกฎหมายที่ไม่มีอยู่จริงเลยลุง!"
ลุงโชค: "แล้วไงต่อไอ้เล็ก! ใจเย็น ๆ!"
เล็ก: "มันบอกว่าต้องเสียค่าปรับ ค่าเสียหายให้หน่วยงานทันที เป็นเงินสด ผมไม่กล้าโอน มันตบทรัพย์ผมไป ห้าพันบาท! ห้าพันบาทนะลุง! แล้วมันก็เอาผมมาส่งที่สถานีรถไฟฟ้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย! ผมเพิ่งเริ่มขาย ห้าพันนี่มันกำไรทั้งเดือนของผมเลยนะ! ผมจะเอาอะไรไปกิน!"
ลุงโชคเงียบไปนาน ความรู้สึกที่พุ่งขึ้นมาคือความโกรธแค้นต่อความฉ้อฉลของคนในสังคม ที่เหยียบย่ำผู้ที่อยู่ปลายแถวของความเปราะบางอย่างไม่ละอายใจ
ลุงโชค: "ไอ้เล็ก ทำใจซะ ปัญหาโลกแตกนี้มันวนกลับมาซ้ำ ๆ เหมือนเงาที่หนีไม่พ้น"
เล็ก: "ทำไมเราต้องเจออะไรแบบนี้ด้วยลุง? เราพิการ เราแค่พยายามทำมาหากินสุจริต! ทำไมสังคมถึงเห็นเราเป็นเหยื่อขนาดนี้!"
ลุงโชค: "เราทำได้แค่ทำใจ และทำสัญลักษณ์เบรลล์ให้ละเอียดขึ้น จนกว่ามันจะไปสุดทาง ไม่เขาเจ๊ง ก็เราเจ๊งไปข้างนึงนั่นแล มันเป็นสงครามที่เราแพ้ตั้งแต่วันแรกที่เราลืมตาไม่เห็นนั่นแหละ"
ชีวิตใต้เงา: การต่อสู้ที่ไม่มีวันจบสิ้น
ลุงโชคค่อย ๆ เก็บแผงสลากฯ ของเขาด้วยความเหนื่อยหน่าย เขาไม่ได้เสียใจกับมูลค่าสลากฯ ที่ถูกโจรกรรมไปทั้งหมด แต่เสียใจกับสังคมที่มองเห็นความบกพร่องของผู้อื่นเป็น "โอกาส" ที่จะโกงได้อย่างง่ายดาย
ในโลกที่คนตาดีมองเห็นได้ทุกสิ่ง มีคนกลุ่มหนึ่งที่ต้องใช้หูฟังเสียงการเคลื่อนไหวอย่างระแวดระวัง, ใช้มือสัมผัสเบา ๆ เพื่อตรวจหาความผิดปกติของตัวเลข, ใช้สัญชาตญาณอันพร่าเลือนเพื่อต่อสู้กับคนที่มีอาวุธที่มองไม่เห็น นั่นคือ "สายตา" และ "ความสามารถในการหลอกลวงที่ไร้ศีลธรรม"
เรื่องราวของลุงโชคและเล็กเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของความจริงอันโหดร้ายที่พ่อค้าแม่ค้าลอตเตอรี่ตาบอดหลายพันคนต้องเผชิญในแต่ละวัน พวกเขาอยู่ใต้แสงตะวัน แต่ในซีกโลกของพวกเขา มันมืดมิดและเต็มไปด้วยเงาที่คอยจ้องจะฉกฉวยตลอดเวลา การต่อสู้ของพวกเขาไม่ใช่การร่ำรวย แต่คือการประคองชีวิตที่ซื่อสัตย์ให้รอดพ้นจากความโลภของผู้อื่น มันคือความพ่ายแพ้ที่ต้องยอมรับเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป
ขอเป็นกำลังใจที่ร่วมก้าวเดิน ศึกหนักที่ซ่อนอยู่ที่ต้องฝ่าฟัน
ในฐานะ ป๊อกซ่าไอที ที่คลุกคลีอยู่ในวงการซ่อมและบริการด้านไอที ผมกล้าพูดเลยว่าเราเองก็เจอปัญหาและความบอบช้ำไม่ต่างกันครับ เพราะเส้นทางหาเลี้ยงชีพของเราทุกคนนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
เราต่างมีศึกหนักที่ซ่อนอยู่ของตัวเอง: พวกเราชาวไอทีเองก็ต้องเผชิญกับความกดดันและความเข้าใจผิดไม่น้อยไปกว่ากัน บางครั้งต้องทนฟังคำวิจารณ์ที่เจ็บแสบว่า "ค่าบริการแพงเกินไป" ทั้งที่ต้องใช้ความรู้และเวลาในการแก้ไขปัญหาซับซ้อน หรือคำพูดที่โคตรจะแทงใจดำอย่าง "นั่ง ๆ จิ้ม ๆ คอมพิวเตอร์ก็ได้ตังแล้ว สงสัยวางยาแน่ ๆ คนไอที!" คำพูดเหล่านี้บั่นทอนกำลังใจ และทำให้เรารู้สึกว่าความพยายามของเราไม่มีความหมายเลย
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเรื่องราวของลุงโชคจึงสะท้อนเข้ามาในใจผมอย่างจัง ไม่ว่าคุณจะมือสัมผัสอักษรเบรลล์บนแผงสลากฯ หรือมือวางอยู่บนคีย์บอร์ดเพื่อแก้ปัญหาที่น่าปวดหัวด้านไอทีที่เข้ามาในแต่ละวัน เราทุกคนต่างกำลังต่อสู้กับ 'ศึกที่ไร้แสง' ในรูปแบบของเรา ไม่ว่าจะเป็นศึกกับความไม่เป็นธรรม หรือความเข้าใจผิดของผู้คน
ขอให้ทุกกำลังใจส่งไปถึงพ่อค้าแม่ค้าสลากฯ ทุกท่านที่ยืนหยัดอย่างซื่อสัตย์ และเพื่อน ๆ ชาวไอทีที่กำลังต่อสู้กับความเหนื่อยล้าทางใจและกาย
ขอให้เราร่วมกันก้าวเดินต่อไปด้วยความเข้าใจในคุณค่าของงานที่ทำ และความหวังว่าลูกค้าและผู้รับบริการของเราทุกคนจะมองเห็นความจริงของพวกเรามากขึ้นครับ! เราทุกคนไม่ได้สู้คนเดียว!
ด้วยความห่วงใยจากใจจริง, ป๊อกซ่าไอที
แล้วเจอกันใหม่บทความหน้า ขอให้วันนี้ "ระบบ" ของทุกคนรันได้อย่างราบรื่นนะครับ!
บทความนี้มีเนื้อหาหลายส่วนที่ถูกสร้างหรือเพิ่มเติมโดย AI
ผู้อ่านสามารถสนับสนุนเว็บไซต์ โดยการอุดหนุนนิยายบนเว็บไซต์ เขียนกันดอทคอม เว็บไซต์อ่านนิยายที่คนตาบอดเป็นเจ้าของ และอยากให้สังคมการอ่านเป็นของคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าตาดีหรือตาบอด
แสดงความคิดเห็น