
สวัสดีครับ ผม “ช่างป๊อกไอที” ชื่อนี้เพื่อนพ้องน้องพี่ในวงการคนตาบอดคุ้นเคยกันดี ผมคือเพื่อนผู้พิการทางสายตาของพวกเรา ที่ใช้ชีวิตคลุกคลีอยู่กับเทคโนโลยี เป็นทั้งที่ปรึกษา ช่างประกอบคอมพิวเตอร์ตามสั่ง และยูทูบเบอร์ที่ทำคลิปแบ่งปันความรู้เรื่องไอทีให้พวกเราชาวตาบอดได้ก้าวทันโลกที่ไม่เคยหยุดหมุน สำหรับผมแล้ว โลกดิจิทัลคือประสาทสัมผัสที่หก มันคือดวงตาที่ทำให้ผมมองเห็นความเป็นไปได้ต่างๆ นานา ผมถนัดในการจัดระเบียบข้อมูล จัดการไฟล์ในคอมพิวเตอร์ให้เข้าที่เข้าทาง แต่ถ้าพูดถึงการจัดระเบียบโลกทางกายภาพ โดยเฉพาะเรื่องความสะอาดในบ้านแล้วล่ะก็... ผมคงต้องขอยกธงขาว
...
สำหรับผม การทำความสะอาดบ้านเป็นเรื่องที่น่าเบื่อและไร้ประสิทธิภาพอย่างที่สุด ผมไม่ได้เป็นคนสกปรกนะครับ อย่าเข้าใจผิด ห้องหับของผมอาจจะมีของวางไม่เป็นที่บ้างตามประสาคนทำงานไอที ที่มีสายไฟ อุปกรณ์แกดเจ็ตต่างๆ วางเรียงรายรอการใช้งาน แต่ผมก็ไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้บ้านรกจนเดินไม่ได้ ทว่าการกวาดบ้านถูบ้านในความรู้สึกของผม มันคืองานที่ไม่เคยจบสิ้น เหมือนการทำอะไรสักอย่างแล้วติดปัญหา พวกเราลองนึกภาพตามผมนะ... เวลาเรากวาดพื้นด้วยไม้กวาด ฝุ่นผงเล็กๆ ที่เรามองไม่เห็น มันไม่ได้ถูกตักไปทิ้งทั้งหมดหรอกครับ ส่วนหนึ่งมันแค่ฟุ้งกระจายขึ้นไปในอากาศ แล้วก็ค่อยๆ ตกลงมาที่เดิม หรือย้ายไปกองรวมกันที่มุมอื่น พอเราไปถูพื้นต่อ ก็เหมือนกับการเอาผ้าชุบน้ำไปละเลงฝุ่นเหล่านั้นให้กระจายตัวออกไปอย่างสม่ำเสมอทั่วทั้งห้อง มันคือการย้ายฝุ่นจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งอย่างแท้จริง! ผมรู้สึกว่ามันเป็นการเปลืองแรงโดยเปล่าประโยชน์ สู้เอาเวลาไปนั่งเขียนสคริปต์ ตัดต่อคลิปสอนใช้โปรแกรม NVDA หรือ JAWS ให้เพื่อนๆ ฟังยังมีพวกเราค่ามากกว่า
...
โลกทัศน์เรื่องความสะอาดของผมดำรงอยู่อย่างนั้นมาเนิ่นนาน จนกระทั่งเดือนมิถุนายน ปี 2568 ที่ผ่านมานี้เอง ที่จักรวาลได้ส่ง “ของเล่น” ชิ้นใหม่มาท้าทายความเชื่อของผม ของเล่นชิ้นนี้เป็นของรูมเมตที่พักอยู่บ้านเดียวกับผมครับ เขาเป็นคนชอบลองเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอ วันหนึ่งเขาก็ได้สมาชิกใหม่เข้ามาในบ้าน เป็นอุปกรณ์พลาสติกทรงกลมๆ แบนๆ ที่เคลื่อนที่ได้เอง... ใช่ครับ มันคือ “หุ่นยนต์ดูดฝุ่น”
...
แวบแรกที่ผมรับรู้ถึงการมีอยู่ของมัน ผมแทบจะหัวเราะออกมาดังๆ “ปัดโธ่! แค่หุ่นพลาสติกกลมๆ วิ่งไปวิ่งมา มันจะไปทำความสะอาดอะไรได้จริงจัง” ผมคิดในใจด้วยความรู้สึกดูแคลน ในช่วงแรกๆ ผมแทบไม่ได้ใส่ใจมันเลย ได้ยินเสียงมันวิ่งวุ่นอยู่ข้างล่างตอนกลางคืนบ้างเป็นครั้งคราว แต่ผมก็คิดว่าเป็นเสียงพัดลมหรืออะไรสักอย่างที่รูมเมตเปิดทิ้งไว้ จนกระทั่งความเปลี่ยนแปลงเริ่มคืบคลานเข้ามาทักทายผมอย่างเงียบเชียบ โดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว
...
เย็นวันหนึ่ง หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจให้คำปรึกษาคอมพิวเตอร์แก่คนตาบอดท่านหนึ่ง ผมเดินกลับเข้าบ้านด้วยความเหนื่อยล้า ก้าวแรกที่เท้าเปล่าของผมสัมผัสกับพื้นกระเบื้องชั้นล่าง... ผมชะงักงัน ความรู้สึกนั้นมันแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง! ปกติแล้ว เวลาเดินเท้าเปล่าในบ้าน ผมจะรู้สึกได้ถึงความ “สาก” เล็กน้อยของฝุ่นผงที่เกาะอยู่บนพื้น มันเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่วันนี้... พื้นมันกลับ “เรียบ” และ “ลื่น” อย่างน่าประหลาดใจ มันเป็นความรู้สึกสะอาดเหมือนมีคนมาเช็ดถูอย่างดี ผมถึงกับต้องก้มลงใช้มือลูบไปกับพื้นเพื่อยืนยันความรู้สึกนั้น... ไม่มีฝุ่นติดมือขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย
...
“เฮ้ย! ใครมาทำความสะอาดบ้านเนี่ย?” ผมรำพึงกับตัวเอง “สงสัยจะเป็นฝีมือรูมเมตแน่ๆ เลย” ความรู้สึกเกรงใจแล่นเข้ามาในหัวทันที เราอยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ แต่ผมกลับแทบไม่เคยช่วยเขาทำงานบ้านเลย เพราะอคติส่วนตัวที่มีต่อการกวาดถูที่ผมมองว่าไร้ประสิทธิภาพนั่นแหละ “เขาคงเหนื่อยแย่เลยแฮะ” ผมคิดพลางเดินต่อไปยังบันไดเพื่อจะขึ้นไปชั้นบน และในจังหวะที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดขั้นแรกนั่นเอง... ปลายเท้าของผมก็ไปสะดุดกับวัตถุบางอย่างเข้า “โอ๊ะ!” ผมก้มลงคลำดู... เจ้าพลาสติกทรงกลมแบนๆ ที่ผมนึกดูแคลนในตอนแรกนั่นเอง “อ้าว... มานอนเกะกะอะไรอยู่ตรงนี้ล่ะเฟ้ยหุ่นพลาสติก” ผมบ่นพึมพำกับมันเบาๆ แล้วก็เขี่ยมันให้พ้นทางก่อนจะเดินขึ้นห้องไปโดยไม่ได้คิดอะไรต่อ
...
แต่แล้วในกลางดึกคืนนั้นเอง ปริศนาทั้งหมดก็คลี่คลายลง คืนนั้นผมนอนไม่ค่อยหลับเพราะกำลังคิดคอนเทนต์สำหรับคลิปยูทูบตัวต่อไปอยู่เพลินๆ ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากชั้นล่าง มันเป็นเสียง “วี๊....” ต่ำๆ สม่ำเสมอ ไม่ใช่เสียงพัดลมแน่นอน เพราะมันมีการเคลื่อนที่ มีเสียงกระทบกับขอบกำแพงบ้านและโต๊ะเบาๆ “ตึ้ก... ตึ้ก...” แล้วก็เปลี่ยนทิศทาง เสียงนั้นมันเคลื่อนที่ไปทั่วบริเวณห้องโถงอย่างมีแบบแผน ด้วยความอยากรู้อยากเห็นซึ่งเป็นนิสัยของคนไอที ผมจึงค่อยๆ ย่องลงบันไดมาดูอย่างเงียบเชียบ
...
และเสียงที่ผม “ได้ยิน” ผ่านโสตประสาทในคืนนั้น ก็ได้เปลี่ยนมุมมองของผมไปตลอดกาล...
...
เจ้าหุ่นพลาสติกกลมๆ ที่ผมคิดลบมันมาโดยตลอดภายในใจ กำลังเคลื่อนที่อย่างขะมักเขม้นไปทั่วพื้นบ้าน! เสียงมอเตอร์ที่ดังสม่ำเสมอคือเสียงของพลังดูดที่กำลังทำงาน เสียงแปรงปัดด้านข้างที่หมุนติ้วๆ ดัง “ฟึ่บๆๆ” ทำหน้าที่กวาดเศษผงที่อยู่ตามขอบผนังเข้ามาในเส้นทางของมัน เสียงล้อที่ขับเคลื่อนอย่างนุ่มนวลพาตัวมันรอดใต้โต๊ะ ลอดใต้เก้าอี้ ไปในทุกซอกทุกมุมที่ไม้กวาดธรรมดาเข้าถึงได้ยาก มันไม่ใช่การวิ่งชนมั่วซั่ว แต่มันเคลื่อนที่เป็นระบบระเบียบ เหมือนมีดวงตาในการนำทางที่ชาญฉลาด
...
“โห...” ผมอุทานออกมาเบาๆ “ไอ้พื้นสะอาดๆ ที่เราเหยียบมาโดยตลอดหลายวัน... มันเป็นเพราะเจ้านี่เองเหรอ?” ความจริงแล้ว เจ้านี่คงทำงานของมันอย่างซื่อสัตย์ทุกคืนมานานหลายสัปดาห์แล้ว เพียงแต่ผมไม่เคยตื่นมาเจอจังๆ หรือใส่ใจที่จะสังเกตมันอย่างจริงจังเท่านั้นเอง ความรู้สึกดูแคลนในตอนแรกของผมมลายหายไปสิ้น กลายเป็นความทึ่งและความประทับใจเข้ามาแทนที่ เจ้านี่มันไม่ใช่ของเล่น มันคือ “นักทำความสะอาดอัตโนมัติ” ที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่เคยปริปากบ่น มันแก้ปัญหา “การย้ายฝุ่น” ที่ผมเคยตั้งกำแพงความคิดลบไว้ได้อย่างหมดจด เพราะมันไม่ได้ “กวาด” ให้ฟุ้ง แต่ใช้พลังดูด “เก็บ” ฝุ่นเข้าไปในตัวมันเลยต่างหาก
...
หลายวันต่อมา หลังจากที่ผมเฝ้าสังเกตการณ์พฤติกรรมของเจ้าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นอย่างเงียบๆ ผมก็ตัดสินใจครั้งสำคัญ... ผมจะขอยืมมันมาทดลองทำความสะอาดใน “ฐานบัญชาการ” ของผมนั่นก็คือห้องนอนและห้องทำงานของผมเอง ห้องที่เปรียบเสมือนรังของช่างไอที ที่เต็มไปด้วยสายไฟระโยงระยาง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชิ้นเล็กชิ้นน้อย และกองกล่องอุปกรณ์ไอทีที่วางซ้อนกันอยู่ นี่คือบททดสอบที่แท้จริงว่าเทคโนโลยีชิ้นนี้จะเจ๋งจริงหรือไม่
...
ผมเดินไปเคาะประตูห้องรูมเมต แล้วเอ่ยปากขอยืมเจ้าหุ่นยนต์ของเขามาลองใช้ ซึ่งเขาก็ยินดีและหัวเราะเบาๆ เหมือนจะรู้ว่าในที่สุดผมก็ยอมแพ้ให้กับเสน่ห์ของมันจนได้ “เอาเลยเฮีย ลองดูแล้วเฮียจะติดใจ” เขาบอกกับผม
...
การทดลองครั้งใหญ่ของผมเริ่มต้นขึ้นในช่วงสายของวันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน 2568 วันหยุดสุดสัปดาห์ที่อากาศดีวันหนึ่ง แต่ก่อนที่ผมจะปล่อยให้พระเอกของเราออกโรง ผมต้องทำในสิ่งที่ผมไม่ค่อยได้ทำบ่อยนัก นั่นคือ “การจัดระเบียบ” ห้องของตัวเองเสียก่อน
...
สำหรับคนทั่วไป การเก็บของที่วางเกลื่อนกลาดบนพื้นอาจเป็นแค่การทำให้ห้องดูโล่งขึ้น แต่สำหรับผมและสำหรับหุ่นยนต์ดูดฝุ่นแล้ว มันคือขั้นตอนการ “เตรียมพื้นที่ปฏิบัติการ” ผมค่อยๆ ใช้มือคลำไปทั่วพื้นห้องอย่างช้าๆ สายชาร์จมือถือ สายแล็ปท็อป สาย USB สายปลั๊กไฟผนังที่พาดผ่านทางเดินอยู่ ถูกผมม้วนเก็บแล้ววางไว้บนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบ หูฟังที่ผมชอบวางทิ้งไว้ข้างเตียงก็ถูกนำไปแขวนไว้ที่ของมัน กองกล่องพัสดุเล็กๆ น้อยๆ ที่รอการแกะก็ถูกยกไปวางซ้อนกันในมุมหนึ่ง มันเป็นกระบวนการที่ทำให้ผมได้สำรวจพื้นที่ของตัวเองอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้งหนึ่ง ผมต้องคิดเหมือนเป็นโปรแกรมเมอร์ที่กำลังจะรันสคริปต์สำคัญ ผมต้องกำจัด “บั๊ก” หรือสิ่งกีดขวางที่อาจทำให้โปรแกรม (การทำความสะอาด) หยุดชะงักลงกลางคัน
...
หลังจากเตรียมพื้นที่เสร็จสิ้น ผมก็เรียนรู้วิธีการควบคุมเจ้าหุ่นยนต์จากรูมเมต ซึ่งมันง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ สำหรับคนตาบอดอย่างผม เทคโนโลยีที่เข้าถึงได้ คือหัวใจสำคัญ และหุ่นยนต์ตัวนี้ก็ตอบโจทย์ได้อย่างดี มันสามารถควบคุมผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ซึ่งรองรับโปรแกรมอ่านหน้าจอ ได้บ้าง ผมสามารถใช้ talkback ใน android หรือ VoiceOver ใน iPhone อ่านเมนูต่างๆ แล้วสั่งการมันได้ด้วยการปัดนิ้วและแตะเพียงไม่กี่ครั้ง “เริ่มทำความสะอาด” “กลับแท่นชาร์จ” “เลือกระดับแรงดูด” ทุกอย่างชัดเจนและเข้าถึงได้ง่าย นอกจากนี้ ที่ตัวหุ่นยนต์เองก็มีปุ่มกดหลักๆ ที่มีลักษณะนูนแตกต่างกัน ทำให้สามารถใช้การสัมผัสเพื่อสั่งงานพื้นฐานได้โดยตรง
...
เอาล่ะ! ทุกอย่างพร้อมแล้ว พิธีปล่อยตัวนักทำความสะอาดอัจฉริยะจึงได้เริ่มต้นขึ้น ผมกดปุ่ม “เริ่มทำความสะอาด” ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ เจ้าหุ่นยนต์ก็เคลื่อนตัวออกจากแท่นชาร์จของมันอย่างนุ่มนวล เสียงมอเตอร์ดังขึ้นในระดับที่ผมตั้งไว้คือระดับแรงขั้นสุด เพื่อจะได้ดูดฝุ่นละเอียดออกได้หมดจด มันเริ่มวิ่งสำรวจห้องของผมอย่างเป็นระบบ
...
ช่วงห้านาทีแรกผ่านไปอย่างราบรื่น ผมนั่งฟังเสียงการทำงานของมันบนเตียงอย่างเพลิดเพลิน เสียงมันเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงจากผนังฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่ง แล้วขยับแนวเพื่อทำความสะอาดในแถวถัดไป เหมือนเครื่องพิมพ์ดีดที่พิมพ์ไปจนสุดบรรทัดแล้วเลื่อนขึ้นบรรทัดใหม่ มันให้ความรู้สึกที่เป็นระเบียบและน่าเชื่อถือ แต่แล้ว... เสียงมอเตอร์ที่ดังสม่ำเสมอก็พลันเปลี่ยนไป มันเหมือนเสียงเครื่องยนต์ที่ติดขัด แล้วก็... “เงียบ” สนิท พร้อมกับมีเสียงแจ้งเตือนบนโทรศัพท์ของผม “เกิดข้อผิดพลาด แปรงหลักพันกัน กรุณาทำความสะอาด”
...
ผมตกใจเล็กน้อย รีบลงจากเตียงแล้วคลำทางไปยังจุดที่มันหยุดนิ่ง “อ๋อ...” ผมหัวเราะออกมาดังลั่น “555 เสร็จกัน” ปรากฏว่ามันได้ดูดเอาสายปลั๊กพ่วงที่ผมคิดว่าเก็บดีแล้ว แต่มันยังมีส่วนปลายห้อยลงมาแตะพื้นเข้าไปพันกับแปรงหลักของมันจนหยุดหมุน นี่คือ อุปสรรคแรกที่ผมเจอ ผมค่อยๆ ดึงสายไฟที่พันกันอยู่ออกอย่างระมัดระวัง กดปุ่มทำงานต่อ และการทำความสะอาดก็ดำเนินต่อไป
...
แต่ดูเหมือนว่าอุปสรรคแรกจะยังไม่หมดไป เพราะหลังจากนั้นไม่นาน เหตุการณ์เดิมก็เกิดขึ้นอีก คราวนี้เป็นสายหูฟังเส้นเก่าที่ผมไม่คิดว่ามันจะตกอยู่ตรงนั้น มันคงหล่นจากโต๊ะแล้วซ่อนตัวอยู่ใต้ขอบเตียงอย่างเงียบเชียบ รอวันที่จะได้แกล้งเจ้าหุ่นยนต์ของผมโดยเฉพาะ ผมจัดการเคลียร์อุปสรรคครั้งที่สอง และเริ่มเรียนรู้ว่า การเตรียมพื้นที่ให้หุ่นยนต์ทำงานนั้นต้องละเอียดรอบคอบกว่าที่คิด มันสอนให้ผมกลายเป็นคนที่มีระเบียบมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว เพราะผมอยากให้ “ผู้ช่วย” ของผมทำงานได้อย่างราบรื่นที่สุด
...
หลังจากผ่านอุปสรรคไปสองสามครั้ง ในที่สุดการทำงานในช่วงหลังก็ไม่มีสะดุดอีกเลย เจ้าหุ่นยนต์วิ่งทำความสะอาดทั่วทุกตารางนิ้วในห้องนอนของผมอย่างอิสระ มันมุดเข้าไปใต้เตียง ซึ่งเป็นอาณาจักรของฝุ่นที่ไม้กวาดของผมไม่เคยไปถึง มันเลาะไปตามขอบผนังอย่างแม่นยำ มันหลบหลีกขาโต๊ะทำงานของผมได้อย่างชาญฉลาด ผมนั่งฟังเสียงการทำงานของมันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง ในที่สุดมันก็ส่งการแจ้งเตือนมายังมือถือของผมเพื่อประกาศชัยชนะ “Cleanup complete. Returning to the dock.” (ทำความสะอาดเสร็จสิ้น กำลังกลับไปที่แท่นชาร์จ) แล้วมันก็วิ่งกลับไปยังบ้านของมันเพื่อชาร์จพลังงานอย่างสง่างาม
...
ความเงียบกลับเข้ามาปกคลุมห้องอีกครั้ง แต่เป็นความเงียบที่แตกต่างออกไป ผมค่อยๆ ก้าวลงจากเตียง แล้วสัมผัสแรกที่เท้าของผมได้รับก็คือ... ความสะอาดบริสุทธิ์ มันคือความรู้สึกเดียวกับที่ผมรู้สึกที่ชั้นล่างเมื่อหลายวันก่อน แต่นี่คือในห้องของผมเอง! ในอาณาจักรของผม!
...
ผมเดินสำรวจไปทั่วห้องอย่างตื่นเต้น พื้นไม้ที่เคยมีฝุ่นเกาะให้รู้สึกสากเท้า ตอนนี้มันเรียบลื่นจนผมอยากจะไถลตัวเล่น ผมลองใช้มือลูบไปตามพื้นใต้เตียง... สะอาด! ลูบไปตามมุมห้อง... สะอาด! ไม่มีฝุ่นผง ไม่มีเส้นผม ไม่มีเศษกระดาษชิ้นเล็กชิ้นน้อยหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย อากาศในห้องรู้สึกสดชื่นขึ้นอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับว่าฝุ่นที่เคยอบอวลอยู่ในอากาศได้ถูกดูดกลืนหายไปจนหมดสิ้น แหม เขียนซะเว่อเชียว ฮาฮา
...
“โอ้โห...” ผมรำพึงกับตัวเองด้วยความประทับใจสุดขีด “นี่มันเหมือนมีแม่บ้านมืออาชีพมากวาดห้องให้ยังไงยังงั้นเลย” ความรู้สึกที่ได้รับมันเกินกว่าที่คาดหวังไปมาก มันไม่ใช่แค่ห้องที่สะอาดขึ้น แต่มันคือภาระในใจที่ถูกยกออกไป ผมไม่ต้องมานั่งกังวลอีกต่อไปว่าใต้เตียงจะมีฝุ่นหนาแค่ไหน หรือมุมห้องจะสกปรกเพียงใด เทคโนโลยีได้เข้ามาจัดการปัญหาที่น่าเบื่อหน่ายและซ้ำซากนี้ให้ผมอย่างสมบูรณ์แบบ
...
“นี่ถ้ามันถูพื้นได้ ขัดพื้นได้ แถมปีนขึ้นไปกวาดหยากไย่บนเพดานได้ด้วยนะ มันก็จะครบองค์ทีเดียว!” ผมพูดติดตลกกับตัวเอง แต่ในใจก็รู้ดีว่าแค่ความสามารถในการดูดฝุ่นให้สะอาดหมดจดได้ขนาดนี้ ก็ถือว่าเป็นการปฏิวัติการทำความสะอาดสำหรับคนอย่างผมแล้ว
...
และนี่แหละครับ คือเรื่องราวการพบกันระหว่าง “ช่างป๊อกไอที” ผู้แอนตี้การทำความสะอาด กับฮีโร่ตัวจริงของผม หุ่นยนต์ดูดฝุ่นตัวเก่ง สำหรับรุ่นที่ผมได้ทดลองและตกหลุมรักในวันนั้น คือหุ่นยนต์จากแบรนด์ Xiaomi ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของคุณภาพและราคาที่จับต้องได้ รุ่นที่ผมได้สัมผัสคือ Xiaomi Robot Vacuum E5 ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้นที่ราคาประหยัด แต่ประสิทธิภาพนั้นเกินตัวไปมากครับ
...
เพื่อให้พวกเราได้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น ผมขอนำคุณสมบัติเด่นๆ ของเจ้า Xiaomi E5 มาเล่าให้ฟังในภาษาที่พวกเราเข้าใจกันนะครับ
...
1. พลังดูดที่ไว้ใจได้: ลองนึกภาพตามนะครับ เวลาเราเดินเท้าเปล่าแล้วรู้สึกเหมือนมีเม็ดทรายเล็กๆ ติดเท้า นั่นคือฝุ่นขนาดจิ๋วที่ไม้กวาดธรรมดาเก็บไม่หมด เจ้า E5 มีพลังดูดสูงถึง 2,000 Pa (ปาสคาล) ซึ่งเป็นหน่วยวัดแรงดูด มันแรงพอที่จะดูดเอาทั้งฝุ่นผง เส้นผม ขนสัตว์เลี้ยง หรือแม้แต่เศษขนมปังเล็กๆ ที่เราทำตกไว้ขึ้นมาได้อย่างหมดจด ทำให้พื้นผิวสัมผัสเรียบเนียนอย่างแท้จริง
...
2. ระบบนำทางอัจฉริยะ: นี่คือสมองของมันครับ เจ้า E5 ไม่ได้วิ่งชนมั่วซั่วเหมือนรถของเล่น แต่มีเซ็นเซอร์ไจโรสโคป (Gyroscope) ช่วยในการสร้างแผนที่คร่าวๆ ของห้อง ทำให้มันเดินทำความสะอาดเป็นเส้นทางซิกแซกอย่างเป็นระเบียบ ลองจินตนาการเหมือนเราอ่านหนังสืออักษรเบรลล์ เราจะอ่านจากซ้ายไปขวาจนสุดบรรทัด แล้วก็เลื่อนลงมาเริ่มบรรทัดใหม่ การทำงานของมันก็เป็นแบบนั้นเลยครับ ทำให้มั่นใจได้ว่ามันจะไม่ทำความสะอาดซ้ำที่เดิมโดยไม่จำเป็น และไม่ข้ามพื้นที่สำคัญไป
...
3. การควบคุมที่เข้าถึงง่าย (Accessible Control): อย่างที่ผมเล่าไปข้างต้น เราสามารถควบคุมทุกอย่างผ่านแอปพลิเคชัน Mi Home/Xiaomi Home บนสมาร์ทโฟน ซึ่งรองรับโปรแกรมอ่านหน้าจอได้บ้าง ทำให้เราสามารถตั้งเวลาให้มันทำงานล่วงหน้าได้ เช่น ตั้งให้มันทำความสะอาดทุกวันตอนตีสองที่เราหลับไปแล้ว หรือตอนที่เราไม่อยู่บ้าน ตื่นเช้ามาหรือกลับมาถึงบ้านก็พบกับพื้นสะอาดๆ รออยู่ มันคือความสะดวกสบายที่เราสั่งได้ด้วยปลายนิ้วจริงๆ
...
4. ดีไซน์ที่คิดมาเพื่อการเข้าถึง: ด้วยความสูงของตัวเครื่องที่ไม่มาก (ประมาณ 8 เซนติเมตร) ทำให้มันสามารถมุดเข้าไปทำความสะอาดใต้เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ได้ ไม่ว่าจะเป็นใต้เตียง ใต้โซฟา หรือใต้ตู้ ซึ่งเป็นแหล่งสะสมฝุ่นชั้นดีที่ยากต่อการทำความสะอาดด้วยวิธีปกติ
...
สำหรับพวกเราผู้พิการทางสายตา ผมอยากจะบอกว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นไม่ใช่แค่อุปกรณ์ทำความสะอาด แต่มันคือ “เครื่องมือแห่งความเป็นอิสระ” มันช่วยลดภาระงานบ้านที่เราอาจจะทำได้ไม่สะดวกนัก ช่วยให้เราสามารถดูแลจัดการพื้นที่ส่วนตัวของเราให้สะอาดน่าอยู่ได้ด้วยตัวเองอย่างเต็มภาคภูมิ มันคือการใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับพวกเราภาพชีวิตอย่างแท้จริง
...
ลองจินตนาการถึงความรู้สึกของการเดินเท้าเปล่าในบ้านของพวกเราเอง แล้วสัมผัสได้ถึงความเรียบเนียนสะอาดในทุกย่างก้าว ลองจินตนาการถึงอากาศที่สดชื่นขึ้นเพราะไม่มีฝุ่นฟุ้งกระจาย และลองจินตนาการถึงเวลาและพลังงานที่พวกเราจะเหลือไปทำในสิ่งที่พวกเรารัก ไม่ว่าจะเป็นการทำงานอดิเรก การพักผ่อน หรือการใช้เวลากับครอบครัว
...
เรื่องราวของผมในวันนั้นได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แม้แต่คนที่ไม่ชอบการทำความสะอาดเข้าไส้แบบผม ก็ยังสามารถเปลี่ยนใจและเปิดรับโลกใบใหม่ที่สะอาดกว่าและสะดวกสบายกว่าได้ด้วยเทคโนโลยีชิ้นนี้
...
นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา โลกแห่งความสะอาดของ “ช่างป๊อกไอที” ก็ได้เปลี่ยนไปตลอดกาล ผมกลายเป็นคนรักความสะอาดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ผมใส่ใจกับการจัดระเบียบห้องมากขึ้น เพื่อให้ผู้ช่วยตัวเก่งของผมทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พื้นที่ที่สะอาดไม่ได้นำมาซึ่งสุขอนามัยที่ดีเท่านั้น แต่มันยังนำมาซึ่งจิตใจที่ปลอดโปร่งและความคิดที่แจ่มใสอีกด้วย
...
หากพวกเราเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาผู้ช่วยในการดูแลบ้าน หรือต้องการมอบของขวัญที่เปี่ยมไปด้วยความหมายให้กับคนที่พวกเรารัก ผมขอแนะนำให้ลองพิจารณาหุ่นยนต์ดูดฝุ่น Xiaomi Robot Vacuum e10 (รุ่นพัฒนาต่อยอดจาก Xiaomi Robot Vacuum e5) เป็นหนึ่งในตัวเลือกครับ มันอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ที่สร้างความสุขและความสะดวกสบายในชีวิตได้อย่างมหาศาล เหมือนกับที่มันได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของผมมาแล้ว
...
สำหรับใครที่สนใจอยากมีผู้ช่วยอัจฉริยะแบบนี้ไว้ในบ้าน สามารถลองค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Xiaomi Robot Vacuum E5 และรุ่นอื่นกันได้
...
โดยหุ่นยนต์ดูดฝุ่นของ Xiaomi จะมีตัวเลือก ดังนี้
...
Xiaomi Robot Vacuum E5 และ E10
...
Xiaomi Robot Vacuum S10 และ S10+
...
Xiaomi Robot Vacuum S20, และ S20+
...
Xiaomi Robot Vacuum X10 และ X10+
...
Xiaomi Robot Vacuum X20, X20+, X20 Pro และ X20 Max
...
หรือหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นอื่นๆ ที่มีฟังก์ชันหลากหลายมากขึ้นตามความต้องการได้จากร้านค้าออนไลน์หรือตัวแทนจำหน่ายที่เชื่อถือได้ทั่วไปครับ
...
เทคโนโลยีถูกสร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาและทำให้ชีวิตพวกเราดีขึ้น และหุ่นยนต์ดูดฝุ่นคือหนึ่งในข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุดของคำกล่าวนี้ มันได้ทลายกำแพงอคติของผม และเปิดประตูสู่โลกที่สะอาดกว่า ง่ายกว่า และมีความสุขกว่าเดิม และผมเชื่อว่ามันก็สามารถทำแบบเดียวกันให้กับพวกเราได้เช่นกัน และนี่ก็เป็นอีกประสบการณ์ที่น่าประทับใจดีดีอีกประสบการณ์หนึ่งที่ผมช่างป๊อกไอทีอยากแบ่งปันกับทุกคนและบันทึกไว้เป็นความทรงจำอันแสนประทับใจ
...
หมายเหตุ: บทความนี้เขียนจากประสบการณ์ส่วนตัว ผู้เขียนจัดหาสินค้าเอง ไม่ได้รับการสนับสนุนหรือสปอนเซอร์จากแบรนด์หรือบริษัทใด ๆ
...
ขอบคุณภาพประกอบจาก: https://www.mi.com/global/product/xiaomi-robot-vacuum-x20-plus/
...
ผู้เขียน: ช่างป๊อกไอที
...
ผู้เรียบเรียง: google gemini
...
6 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
เล่าเรื่องมาขนาดนี้ สปอนเซอร์ต้องเข้าแล้วไหมพี่ 55
อยากได้มาลองใช้บ้าง ห้องผมยิ่งใหญ่ๆ อยู่ด้วย กวาดยากสุดๆ
แสดงความคิดเห็น