หากมีลูกเป็นคนตาบอดควรทำอย่างไรดี? มีโรงเรียนสำหรับคนตาบอดหรือไม่? การศึกษาเป็นอย่างไร? เข้ามาอ่านกัน

หากมีลูกเป็นคนตาบอดควรทำอย่างไรดี? มีโรงเรียนสำหรับคนตาบอดหรือไม่? การศึกษาเป็นอย่างไร? เข้ามาอ่านกัน

หากคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเป็นผู้พิการทางสายตาหรือคนตาบอด ให้ทำใจเย็นๆเอาไว้และอย่าตื่นตระหนกจนเกินไป เพราะเพียงลูกคุณตาบอด ไม่ได้หมายความว่า เด็กๆ จะใช้ชีวิตบนโลกนี้ไม่ได้อีกต่อไป

สิ่งแรกที่ควรทำก็คือ ติดต่อไปยังองค์กรที่เกี่ยวค่องกับคนพิการทางสายตาเพื่อขอคำแนะนำ เช่นโรงเรียนสอนคนตาบอดต่างๆ ว่าเราควรเลี้ยงพวกเขาในวัยแบเบาะอย่างไร อะไรบ้างที่ควรระวัง

เมื่อเด็กโตขึ้นระยะหนึ่ง พอที่จะเรียนรู้หนังสือได้แล้ว ให้ติดต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวค่อง เพื่อขอโค้ด อักษรเบรลล์ ซึ่งเป็นอักษรสำหรับคนตาบอด โดยอักษรตัวนี้ จะมีกอไก่ขอไข่ รวมไปถึงพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ตัวอื่นๆ ไม่ต่างจากภาษาไทยของคนปกติเลย จะแตกต่างกันก็เฉพาะวิธีเขียนและอ่านเท่านั้น ดังนั้นจึงต้องให้เด็กท่องอักษรเบรลล์ เพื่อทำความคุ้นเคยเอาไว้ตั้งแต่เด็ก เมื่อเด็กโตขึ้น จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปเรียนพื้นฐานก่อนเข้าเรียนตามโรงเรียนอีก

เมื่อลูกของคุณพ่อคุณแม่มีอายุ 5-6 ขวบ สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับต่อไปก็คือ ส่งลูกไปเรียนตามโรงเรียนเฉพาะทาง เช่น โรงเรียนสอนคนตาบอด เพื่อฝึกทักษะการใช้ชีวิตพื้นฐานและการเข้าสังคมปกติ โดยโรงเรียนเฉพาะทางสำหรับคนตาบอด ตั้งอยู่ทุกภาคของประเทศไทย คุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกโรงเรียนที่ใกล้ที่สุดได้เลย เพียงแค่พิมพ์คำค้นหาบนกูเกิลว่า “โรงเรียนสอนคนตาบอด” จากนั้นติดต่อไปยังโรงเรียนที่สนใจ หากจังหวัดใกล้เคียงไม่มีโรงเรียนสอนคนตาบอดตั้งอยู่เลย ให้สอบถามไปยังโรงเรียนคนตาบอดแห่งใดก็ได้ แล้วสอบถามดูว่า ละแวกนั้น มีโรงเรียนคนตาบอดแห่งใดที่ใกล้ที่สุดบ้าง ทางเจ้าหน้าที่เขาก็จะช่วยประสานงานให้เอง

ทำไมต้องส่งลูกออกจากบ้านไปเร็วจัง?

หากเกิดคำถามนี้ขึ้น ผมจะขออธิบายว่า การที่ส่งเด็กออกไปช่วงอายุเท่านี้ ก็เพราะเด็กจำเป็นที่จะต้องปรับพื้นฐานบางส่วนให้เข้ากับวิถีของคนตาบอด อีกทั้งเด็กยังต้องมีการเรียนรู้ทักษะการใช้ชีวิตในสังคมทั่วไปด้วย อาทิ การเดินทาง การปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนตาดีได้ การเอาตัวรอดจากสถานการณ์ต่างๆ การใช้ไม้เท้าขาว ที่สำคัญ ในโรงเรียนเฉพาะทาง เด็กๆ ยังจะได้พบเพื่อนวัยเดียวกัน มีความพิการประเภทเดียวกัน ทำให้พวกเขารู้สึกว่า ในโลกนี้ พวกเขาไม่ได้โดดเดียวเลย แต่ยังมีเพื่อนๆ อีกมากมายที่เดินสู้ร่วมทางไปด้วยกัน

ซึ่งหากต้องการทราบว่าในโรงเรียนสอนคนตาบอด เด็กๆ จะใช้ชีวิตอยู่ยังไง สามารถอ่าน ชีวิตเด็กตาบอด ในโรงเรียนสอนคนตาบอด ได้ที่นี่เลย

หากเด็กปรับพื้นฐานได้เร็ว เด็กก็จะออกไปเรียนตามโรงเรียนที่สอนคนปกติได้เร็ว ดังนั้น ปัญหาที่ลูกของเราจะเรียนไม่ตรงเกณฑ์ก็จะไม่เกิดขึ้น

จากอดีตที่ผ่านมา มีคนตาบอดจำนวนมากที่เรียนไม่ตรงเกณฑ์ เด็กบางคนอายุ 16 ยังเพิ่งเรียนถึง ป. 6 ก็มี ดังนั้นหากลูกของคุณเริ่มต้นได้เร็ว ปัญหาพวกนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น

ทำไมถึงต้องเอาเด็กปกติมาเป็นเกณฑ์?

ก็เพราะว่า เมื่อโรงเรียนสอนคนตาบอดฝึกทักษะที่จำเป็นให้เด็กๆ เรียบร้อยแล้ว ทางโรงเรียนก็จะส่งเด็กเหล่านี้ ออกไปเรียนกับโรงเรียนเด็กปกติทั่วไปยังไงละครับ ทางโรงเรียนไม่ได้จะให้เด็กๆ อยู่กับสังคมคนตาบอดนะ แต่เขาจะสอนแค่เรื่องที่จำเป็นให้ แล้วส่งน้องๆ ออกไปเรียนกับคนอื่นๆ ทั่วไป ดังนั้นถึงต้องมีการเตรียมความพร้อมตั้งแต่เด็กๆ ครับ

นอกจากการเรียนพื้นฐานจากชั้นเริ่มแรกไปจนถึง ม. 6 แล้ว หากเด็กตั้งใจเรียน หรืออยากเรียนต่อ เด็กๆ ก็สามารถที่จะสอบเข้าเรียนตามมหาวิทยาลัยได้ไม่ต่างจากคนอื่นเลย เมื่อจบจากมหาวิทยาลัยแล้ว หากมีความสามารถและทักษะที่เพียงพอ เด็กๆ ก็ยังสามารถเข้าไปทำงานตามบริษัทต่างๆ ได้เช่นกัน

คนเป็นพ่อเป็นแม่สามารถช่วยเหลือลูกได้ แต่ไม่ใช่ทุกเรื่อง ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่ต้องปล่อยลูกของคุณออกไปเรียนรู้คุณก็ต้องปล่อย ที่ซึ่งเด็กจะไปเรียนไม่ได้มีอันตรายอะไรหรอก อย่าทำให้ความเป็นห่วงลูกของคุณ มาฉุดดึงการพัฒนาของพวกเขาเอาไว้ เพราะถ้าวันใดที่พวกคุณไม่สามารถที่จะดูแลเขาได้ หากเขาไม่มีทักษะการเอาตัวรอดในสังคม คุณคิดว่าพวกเขาจะอยู่ได้อย่างไร แต่ถ้าพวกเขามีพัฒนาการที่ดี ต่อให้ไม่มีใครดูแลพวกเขาเลย พวกเขาก็ยืนอยู่ด้วยตนเองได้

ขณะนี้ความรู้ที่เกี่ยวกับคนตาบอดยังถือว่าเข้าถึงสังคมได้น้อย ดังนั้นหากท่านใดได้อ่าน ผมรบกวนท่านแชร์ไปให้คนอื่นๆ ได้อ่านด้วยนะครับผม

ขอบคุณครับ