คุณอยู่ที่

ครอบครัว โอกาส ร่างกาย : คนตาบอดติดบ้านไม่ใช่แค่ข้อจำกัดทางร่างกาย หากแต่มีหลายประเด็นที่ควรขบคิดอย่างลึกซึ้ง

1.0x

ปรับขนาดตัวอักษร

-A A +A

ผู้อ่านหลายท่านของ Blind Living คงจะพอทราบข้อมูลบ้างไม่มากก็น้อย ว่าในสังคมไทย คนตาบอดออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านกันเป็นเวลานานแล้ว ไม่ว่าจะออกมาเพราะเรื่องศึกษาเล่าเรียน ออกมาเพื่อประกอบอาชีพ หรือออกมาด้วยเหตุผลอื่นใดก็ตาม แต่ในอีกมุมหนึ่งก็ยังคงมีคนตาบอดอีกจำนวนไม่น้อยที่เลือกใช้ชีวิตติดบ้าน ซึ่งเราจะพาท่านผู้อ่านไปสำรวจดูว่า ที่คนตาบอดกลุ่มนี้ยังเลือกอาศัยอยู่ที่บ้าน แทนที่จะออกไปทำงานนอกบ้านนั่นเป็นเพราะอะไร ทำไมพวกเขาเหล่านี้ถึงยอมพลาดโอกาสที่มีมากมายจากโลกภายนอกไปเช่นนั้น

เหตุผลทางครอบครัว

คนตาบอดเองก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆ เพราะพวกเขาเหล่านี้ไม่ได้ใช้ชีวิตเพียงคนเดียว หากแต่มีครอบครัวที่ต้องดูแล ไม่ว่าจะทางกายหรือจิตใจ แม้อาจดูแลได้ไม่รอบด้าน แต่อย่างน้อยก็พอช่วยเหลือได้บ้าง

การดูแลทางกายก็เช่นช่วยคนในครอบครัวเช่นพ่อและแม่ ปู่และย่า ตาและยาย ฯลฯ ทำสิ่งต่างๆ เช่นหยิบจับสิ่งของ ทำงานบ้าน ช่วยเหลืองานเล็กๆ น้อยๆ ตามแต่ทักษะและกำลังจะเอื้ออำนวย เพราะพี่น้องคนอื่นไปทำงานนอกบ้านกันหมด ไม่ก็คนตาบอดดังกล่าวเป็นลูกเพียงคนเดียว ดังนั้นจึงต้องรับผิดชอบหน้าที่ตรงนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ในด้านการดูแลทางใจก็เช่นอยู่เป็นเพื่อนคนในครอบครัว บางบ้านที่เป็นครอบครัวเล็กๆ อาจมีแค่พ่อและแม่ หากคนตาบอดที่เป็นลูกไม่อยู่เป็นเพื่อน ก็ต้องปล่อยให้บุพการีอยู่กันแค่ 2 คน ซึ่งสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับครอบครัว การไม่มีลูกอยู่ด้วยก็อาจทำให้บิดามารดาเกิดความเหงา หรือรู้สึกว่าครอบครัวขาดความสมบูรณ์ ต่อให้ในครอบครัวอาจมีบุตรหลายคน แต่ด้วยหน้าที่การงานที่แต่ละคนต้องรับผิดชอบ การอยู่เป็นเพื่อนผู้ให้กำเหนิดหรือผู้สูงอายุจึงอาจตกไปที่คนตาบอด

ที่มากไปกว่าเหตุผลเหล่านี้ก็คือ คนในครอบครัวมักเป็นห่วงคนตาบอดเกินความจำเป็นถึงขั้นไม่อยากให้คนตาบอดออกไปใช้ชีวิตนอกบ้าน ด้วยกลัวพบเจออันตราย กลัวเอาชีวิตไม่รอด กังวลสารพัดอย่าง ดังนั้นการให้อาศัยอยู่ที่บ้านเป็นเพื่อนผู้สูงอายุจึงดูเหมาะสมและลงตัวที่สุดแล้ว เพราะคนสูงอายุในครอบครัวก็ได้เพื่อน ส่วนคนตาบอดก็ไม่ต้องไปเจออันตรายภายนอก โดยมอบหน้าที่ให้คนอื่นๆ ในครอบครัวที่ร่างกายครบ 32 และยังแข็งแรงเป็นคนหารายได้หลักเข้าครอบครัว

อีกสาเหตุหนึ่งที่หลายคนอาจมองข้ามก็คือ คนตาบอดหลายส่วนเองก็มีคู่รักไม่ต่างจากคนทั่วไป ดังนั้นเมื่อมีคู่รักก็ย่อมมีบุตรให้เลี้ยงดู ซึ่งการทำงานนอกบ้านอาจไม่เหมาะกับคนตาบอดที่ต้องทำงานไปด้วยเลี้ยงลูกไปด้วย การอยู่กับบ้านก็คือตัวเลือกหนึ่ง เพราะหลายครั้งก็ต้องไหว้วานคนรู้จักช่วยดูลูกในยามจำเป็น ซึ่งหากแยกออกไปอยู่คนเดียว หรืออยู่กับคู่รักของตน ก็อาจไม่สะดวกเท่าที่ควร

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ไม่ได้หมายความว่าคนตาบอดในสถานการณ์นี้ทุกคนถูกครอบครัวบีบบังคับให้ขาดอิสรภาพในการใช้ชีวิต เพราะคนตาบอดหลายคนก็เต็มใจอยู่กับครอบครัว เต็มใจเป็นตัวกลางเพื่อให้ครอบครัวยังดูอบอุ่นและมีเสถียรภาพ ถึงแม้ตนเองอาจขาดโอกาสบางส่วนไปบ้างก็ตาม

เหตุผลทางเศรษฐกิจ

จากรายงานสถานการณ์คนพิการในประเทศไทย ณ วันที่ 30 เมษายน 2568 โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) ระบุว่า จำนวนคนพิการทางการเห็น (ตาบอดหรือบกพร่องทางการเห็น) ในประเทศไทยมีจำนวน 171,477 คน คิดเป็นประมาณ 7.65% ของคนพิการทั้งหมด (จำนวนรวมคนพิการคือ 2,242,693 คน) หากเทียบกับประชากรไทยทั้งประเทศ (ประมาณ 66 ล้านคน) คนตาบอดคิดเป็นประมาณ 0.26% ของประชากรทั้งหมด

เมื่อเทียบกับโอกาสการจ้างงานตามมาตรา 33 หรือ 35 ยังถือว่ามีโอกาสที่ค่อนข้างน้อย แม้ว่ายังมีอาชีพอื่นรองรับ เช่นการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล นวด ช่างไม้ ฯลฯ แต่เมื่อเรามองในแง่ของความชอบ ทักษะ หรือข้อจำกัดอืนๆ ร่วมด้วย ก็ยังมีคนตาบอดบางส่วนเลือกอยู่บ้าน เพราะยังไม่พบงานที่เหมาะกับตนเอง

นอกจากนี้การอยู่บ้านย่อมประหยัดกว่าการออกไปใช้ชีวิตข้างนอก เนื่องเพราะไม่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเรื่องที่พัก ค่าอยู่ ค่ากิน ค่าเดินทาง ฯลฯ ซึ่งคนตาบอด ถือเป็นความพิการอีกประเภทหนึ่ง ที่หมดเงินไปกับค่าเดินทางค่อนข้างเยอะ หากอยู่บ้านก็จะลดค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้มากโข แม้ว่าอาจขาดโอกาสหารายได้ไปบ้าง แต่มองค่าใช้จ่ายโดยรวมก็ยังดีกว่าการออกไปทำงานนอกบ้านที่รายรับไม่สมดุลย์กับรายจ่าย

แม้โอกาสทำงานที่บ้านจะน้อย แต่ใช่ว่าไม่มี

คนตาบอดติดบ้าน ไม่ได้หมายความว่าไม่มีงานทำ ตกงาน หรือขาดโอกาสการจ้างงานเสมอไป เพราะในปัจจุบันโดยเฉพาะหลังยุคโควิด-2019 ระบาด มีระบบการทำงานที่บ้าน หรือ Work from home ที่เข้ามาแทนที่การทำงานแบบเดิมๆ จนทำให้หลายอาชีพต้องปรับตัว เปลี่ยนจากการทำงานในออฟฟิศกลายมาเป็นการทำงานที่บ้าน ซึ่งนั่นก็คือโอกาสใหม่ๆ ของคนตาบอดและกลุ่มคนพิการประเภทอื่นๆ เช่นกลุ่มคนพิการติดเตียงหรือพิการทางด้านการเคลื่อนไหว

ขอแค่มีทักษะการทำงานผ่านระบบคอมพิวเตอร์ คนตาบอดก็สามารถทำงานได้แล้ว โดยงานที่ทำก็มีอย่างหลากหลาย เช่น โปรแกรมเมอร์, it support, งานเอกสาร, Ai Trainer (พนักงานจัดเตรียมข้อมูลเพื่อนำไปพัฒนา AI), คอลเซ็นเตอร์, ฯลฯ

นอกจากคนตาบอดที่อาศัยอยู่ที่บ้านจะไม่ต้องออกไปเผชิญชีวิตนอกบ้านแล้ว ยังเป็นอีกเรี่ยวแรงหนึ่ง ที่หารายได้ให้กับครอบครัวได้อีกด้วย

สรุป

ไม่ว่าคนตาบอดจะอยู่ติดบ้านเพราะสาเหตุใดก็ตาม สิ่งสำคัญก็คือ ทุกคนควรมีสิทธิ์เลือกใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ หากเลือกจะออกไปข้างนอกก็ควรได้รับโอกาสที่เท่าเทียมกันกับคนทั่วไป หากเลือกจะอยู่บ้าน กลุ่มคนตาบอดเหล่านี้ก็ควรมีโอกาสทำงานและสร้างรายได้ให้กับตัวเองและครอบครัว

ไม่ว่าจะออกไปข้างนอกหรือใช้ชีวิตอยู่บ้าน แต่คนตาบอดก็คือส่วนหนึ่งที่เป็นตัวขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจไทยให้ก้าวหน้า ดังนั้นจึงไม่ควรถูกมองข้ามในทุกรณี

อ้างอิง:


ผู้อ่านสามารถสนับสนุนเว็บไซต์ โดยการอุดหนุนนิยายบนเว็บไซต์ เขียนกันดอทคอม เว็บไซต์อ่านนิยายที่คนตาบอดเป็นเจ้าของ และอยากให้สังคมการอ่านเป็นของคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าตาดีหรือตาบอด

แสดงความคิดเห็น