คุณอยู่ที่

เมื่อโลกเดินมาถึงยุคที่คอมพิวเตอร์และสมาร์ตโฟนคือ ‘ดวงตา’ ของคนตาบอด

ปรับขนาดตัวอักษร

-A A +A
รูปภาพของ suriyan
เขียนโดย suriyan เมื่อ ศุกร์, 03/06/2020 - 09:50

คอมพิวเตอร์ อาจเป็นแค่เครื่องมือที่ใช้สำหรับทำงาน หรือหาความสนุกของคนปกติ

สมาร์ตโฟนอาจเป็นแค่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกชนิดหนึ่ง ที่คนทั่วไปก็ใช้กัน

แต่ทั้งหมดที่ผมว่าไปมันจะเป็นมากกว่านั้น เมื่อคนตาบอดเป็นคนใช้มัน

แต่ก่อนไม่ว่าคนตาบอดจะทำอะไร เช่นอ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง ก็ดูเหมือนจะยุ่งยากไปหมด เพราะเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับสื่อจำพวกนี้ยังพัฒนาไม่มากพอ คนตาบอดจึงไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

หากเมื่อเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านโลกเข้าสู่ยุคที่เทคโนโลยีเป็นปัจจัยอีกประการที่สำคัญต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์ อุปสรรคต่างๆ ที่คนตาบอดเคยประสบก็เริ่มลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ

ปัจจุบัน คนตาบอดสามารถอ่านนิยายผ่านคอมและสมาร์ตโฟนได้ด้วยโปรแกรมอ่านหน้าจอ สามารถเข้าถึงเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันได้เป็นส่วนใหญ่อย่างไม่มีปัญหา แม้แต่การดูหนัง คนตาบอดเองก็มีแอปพลิเคชันเสียงบรรยายภาพที่คอยอธิบายภาพที่ปรากฏในแต่ละฉากให้คนตาบอดเข้าใจ

หากเป็นคนตาดีคงไม่ต้องการความช่วยเหลือเหล่านี้ แต่เมื่อเป็นคนตาบอด ปัจจัยดังกล่าวถือว่าเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้ เพราะหากขาดเครื่องมือเหล่านี้ไป คนตาบอดจะถูกจำกัดการรับรู้อย่างมหาศาล เช่นไม่สามารถเข้าถึงข่าวสาร ไม่สามารถเลือกดูหนังฟังเพลง ไม่สามารถติดต่อกับคนที่อยู่คนละสถานที่ได้ และอีกสารพัด

ผมถึงว่าอุปกรณ์เหล่านี้ มันคือ ‘ดวงตา’ ของคนตาบอด เพราะด้วยเครื่องมือเหล่านี้ ทำให้คนตาบอดเข้าถึงอะไรได้หลายอย่าง อาทิหากคนตาบอดอยู่คนเดียวในโรงแรม แล้วเขาคลำไปเจอหนังสือเล่มหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ หากไม่มีโทรศัพท์ คนตาบอดก็จะรู้แค่ว่า “อ๋อ นี่มันหนังสือ” แต่เขาจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่า นี่มันคือหนังสือเกี่ยวกับอะไร

ในทางกลับกัน หากคนตาบอดมีโทรศัพท์และแอปพลิเคชันที่จำเป็น เขาสามารถถ่ายรูป แล้วสั่งให้แอปพลิเคชันช่วยอ่านตัวอักษรในหนังสือเล่มนั้นได้

ระหว่าง ‘รู้’ และ ‘ไม่รู้’ มันต่างกันอย่างมหาศาล

สมมุดว่าถ้าเขาไม่รู้เนื้อหาภายในหนังสือเล่มนั้น พอตกตอนเย็น คนตาบอดก็ไปซื้อทุเรียนเข้ามากินในห้องพัก ทั้งที่หนังสือเล่มนั้น เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับกฎข้อห้ามในโรงแรม โดยมีข้อหนึ่งเขียนว่า “ห้ามนำทุเรียนเข้ามาภายในห้องพัก” แต่เพราะคนตาบอดอ่านไม่ได้ เลยไม่รู้ข้อห้ามในส่วนนี้ ถามว่าคนตาบอดผิดหรือไม่ สำหรับผมแน่นอนไม่ผิด เพราะคนตาบอดไม่รู้เกี่ยวกับข้อห้ามดังกล่าว แต่ถามว่าทางโรงแรมมีสิทธิ์ปรับค่าเสียหายมั้ยก็มี เพราะคนตาบอดก็ทำผิดกฎจริงๆ สุดท้ายก็คงขึ้นอยู่กับการพิจารณาไปตามทัศนะของแต่ละคน

ในทางกลับกัน ถ้าคนตาบอดมีโทรศัพท์ในมือ แล้วเขาใช้แอปพลิเคชันช่วยอ่านเนื้อหาภายในหนังสือเล่มนั้นจนรู้รายละเอียดส่วนใหญ่ของหนังสือ เขาก็จะรู้ว่า “อ๋อ นี่เป็นหนังสือเกี่ยวกับกฎข้อห้ามในโรงแรม มีข้อหนึ่งระบุเอาไว้ด้วยว่า ห้ามนำทุเรียนขึ้นมากินบนห้องพัก” พอรู้แล้ว ปัญหาเรื่องนำทุเรียนขึ้นมากินบนห้องพักก็จะไม่เกิดขึ้น หรือถ้ามันเกิดขึ้น เราก็จะได้ชี้ชัดลงไปเลยว่า นี่เป็นการจงใจทำผิดกฎของคนตาบอดเอง

นี่เป็นเพียงกรณีเล็กๆ ที่ผมยกมาเพื่อเป็นตัวอย่างให้ผู้อ่านมองเห็นภาพรวมชัดเจนขึ้น ถ้าเป็นกรณีที่ร้ายแรงกว่านี้ ข้อมูลที่คนตาบอดจะสามารถเข้าถึงได้ยิ่งต้องสำคัญ

ผมเขียนอธิบายมาจนถึงตอนนี้ ก็เพื่อให้แต่ละคนเข้าใจว่า อุปกรณ์เทคโนโลยี สำหรับคนตาบอดแล้วมันไม่ใช่แค่เอาไว้ทำงาน ติดต่อสื่อสาร หรือเสบความบันเทิงในรูปแบบต่างๆ เพียงแค่นั้น แต่มันยังถือเป็น ‘ดวงตา’ ที่สำคัญไม่แพ้ปัจจัยอื่นๆ เช่นกัน

สิ่งของนั้นๆ จะมีความสำคัญแค่ไหน ส่วนหนึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวมันเอง หากทว่ามันขึ้นอยู่กับผู้ที่ใช้งานมันอีกประการ


ผู้อ่านสามารถสนับสนุนเว็บไซต์ โดยการอุดหนุนนิยายบนเว็บไซต์ เขียนกันดอทคอม เว็บไซต์อ่านนิยายที่คนตาบอดเป็นเจ้าของ และอยากให้สังคมการอ่านเป็นของคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าตาดีหรือตาบอด

ให้ดาวบทความนี้: 
Average: 5 (1 vote)

แสดงความคิดเห็น